คำสั่งคำร้องที่ 1252/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลย ข้อ 2.1 เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม รับอุทธรณ์เฉพาะข้อ 2.2
จำเลยเห็นว่า จำเลยอุทธรณ์ในข้อ 2.1 เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบ เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนต่อกฎหมายขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน โปรดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลแรงงานกลางและให้รับอุทธรณ์ ข้อ 2.1 ของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 69)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าจ้างค้างจ่าย รวม 80,000 บาทให้โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันเลิกจ้าง (12 กุมภาพันธ์2530) เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ คำขอของโจทก์นอกนั้นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว(อันดับ 56)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 62)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยอุทธรณ์ข้อ 2.1 เป็นใจความว่าในปัญหาที่ว่าความสัมพันธ์ของนายจ้างลูกจ้างระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นสุดลงเมื่อใดนั้น ศาลแรงงานกลางรับฟังพยานหลักฐานและวินิจฉัยข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย เพราะบริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัด ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างหากจากบริษัทจำเลย กับได้ยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายของโจทก์ต่อกรมสรรพากร เดิมโจทก์ทำงานกับจำเลย จำเลยให้โจทก์กับนายนรฤทธิ์ไปปฏิบัติงานที่บริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัดโดยได้รับเงินเดือนจากบริษัทดังกล่าวและโจทก์ไม่คัดค้านจึงต้องถือว่า นายจ้างได้โอนสิทธิของตนให้แก่บริษัททานตะวันพัฒนกิจจำกัด ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 577 ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงสิ้นสุดลงแล้วก็ดีและตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าให้โจทก์ปฏิบัติงานให้จำเลยในนามบริษัทภายนอกตามที่โจทก์เบิกความไว้ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการที่โจทก์ไปอยู่บริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัด เป็นการปฏิบัติตามแผนงานตามหนังสือสัญญาจ้างงานระหว่างโจทก์จำเลย จำเลยยังคงมีฐานะเป็นนายจ้างโจทก์เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบก็ดี ในปัญหาข้อนี้ศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยว่าที่จำเลยอ้างและนำสืบว่าก่อนเลิกจ้างโจทก์โอนไปอยู่กับบริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัด ได้พ้นจากการเป็นลูกจ้างของจำเลยนั้นฟังไม่ขึ้น การที่จำเลยส่งโจทก์กับนายนรฤทธิ์ไปปฏิบัติงานที่บริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือนั้น ฟังได้ว่าเป็นการปฏิบัติตามแผนงานตามหนังสือสัญญาจ้างงานระหว่างโจทก์กับจำเลย จะอ้างว่ามิได้เป็นนายจ้างลูกจ้างกันฟังไม่ขึ้นและการที่ให้โจทก์ไปทำงานกับบริษัททานตะวันพัฒนกิจ จำกัดก็เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลยดังนี้ เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นล้วนแต่เป็นเรื่องโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนเท่าที่เห็นสมควรและเชื่อฟังมาแล้วเช่นนั้นหาใช่นอกเหนือจากพยานหลักฐานที่นำสืบหรือคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย ดังที่จำเลยอุทธรณ์ไม่ จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share