แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ขณะที่ ธ. มีคำสั่งมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทนโจทก์นั้นธ. ยังเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 70 แม้ขณะที่โจทก์ฟ้องคดี ธ. จะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโจทก์ไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อคำสั่งมอบอำนาจไม่ได้ถูกยกเลิกเพิกถอน คำสั่งมอบอำนาจของ ธ. ดังกล่าวจึงยังคงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย หาทำให้ฐานะของผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์สิ้นสุดตามการพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีของ ธ. ไปด้วยไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ราชพัสดุโฉนดเลขที่ 7351 ตั้งอยู่ที่ถนนเทศาหน้าพระ ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐมจังหวัดนครปฐม โจทก์ได้ทำสัญญาให้นายบุญช่วย เวชพานิช สามีจำเลยเช่าที่ดินราชพัสดุแปลงดังกล่าวเนื้อที่ 492.48 ตารางวา เพื่ออยู่อาศัยมีกำหนด 1 ปี ค่าเช่าเดือนละ 2,954.88 บาท เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายังอยู่อาศัยในที่เช่าตลอดมาแต่มิได้ทำสัญญาเช่าใหม่ ต่อมาผู้เช่ายื่นคำร้องขอต่ออายุสัญญาเช่าพร้อมกับชำระค่าเช่าประจำปี 2529 และ 2530 ให้แก่โจทก์ แต่ผู้เช่าใช้สถานที่เช่าประกอบกิจการค้าร้านอาหาร ซึ่งเป็นการผิดวัตถุประสงค์ในการเช่า ต่อมานายบุญช่วยถึงแก่ความตายทำให้สัญญาเช่าสิ้นสุดลง จำเลยยื่นคำร้องขอสืบสิทธิการเช่าต่อโจทก์ โจทก์ไม่อนุญาตและแจ้งให้จำเลยรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างขนย้ายทรัพย์สินกับบริวารออกจากที่ดินและชำระค่าขาดประโยชน์เท่ากับราคาค่าเช่าตั้งแต่วันที่จำเลยเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแทนผู้ตาย จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์และค่าปรับให้โจทก์บางส่วน ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินราชพัสดุโฉนดเลขที่ 7351 ให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์จำนวน 134,616 บาท พร้อมดอกเบี้ย25,241 บาท ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 134,616 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ ให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์ 71,484บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จนอกจากนั้นให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์อัตราเดือนละ 4,081 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปหลังวันที่ 19 กุมภาพันธ์2541 ให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ของอัตราเดือนละ 4,081 บาทและชำระเพิ่มร้อยละ 15 ของทุก ๆ 5 ปี ถัดไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากนายวิชัย ธรรมชอบ ผู้รับมอบอำนาจเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยไม่ใช่ข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้มอบอำนาจต้องเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งในขณะที่ฟ้อง หลังจากที่นายบุญช่วยถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยสืบสิทธิการเช่าต่อมาโดยชำระค่าเช่าให้โจทก์ โจทก์มิได้บอกเลิกสัญญากับจำเลย จึงถือได้ว่าจำเลยสืบสิทธิการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ต้องบอกเลิกสัญญาก่อนที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการเช่าไม่น้อยกว่า 2 เดือน การบอกเลิกสัญญาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 7351 ถนนเทศาหน้าพระ ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม กับให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์ในอัตราเดือนละ3,548 บาท นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2531 ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2536 และค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 4,081 บาท นับแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2536 ถึงเดือนเมษายน 2537และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินแปลงดังกล่าวแล้วเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์จำนวน134,616 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 เมษายน 2537จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ดอกเบี้ยเมื่อคิดถึงวันฟ้อง (วันที่ 16 ตุลาคม 2539)ต้องไม่เกินจำนวน 25,241 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินค่าเสียหายอัตราเดือนละ 4,081 บาท นับแต่เดือนพฤษภาคม 2538 จนถึงวันฟ้อง (รวมต้นเงินค่าเสียหายจนถึงวันฟ้องจำนวน 71,484 บาท) นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเพียงประการเดียวว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้เพราะขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คำสั่งที่มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมมีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีแก่จำเลยแทนโจทก์นั้น ได้สิ้นสุดไปแล้วนับแต่วันที่นายธารินทร์พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในปัญหานี้ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2536นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น ได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินราชพัสดุแทนซึ่งมีข้อความเป็นสำคัญว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังขอมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจแต่งตั้งทนายความเพื่อฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินราชพัสดุหรือทรัพย์สินในที่ดินราชพัสดุแทน คดีนี้โจทก์โดยนายวิชัย ชอบธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมในขณะนั้น ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจได้ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2539 ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินราชพัสดุของโจทก์ ขณะที่ฟ้องนายธารินทร์ได้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไปแล้ว เห็นว่า เมื่อในขณะที่นายธารินทร์มีคำสั่งมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทนโจทก์นั้น นายธารินทร์ยังเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70 แม้ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2539 นายธารินทร์จะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโจทก์ไปแล้วตามที่จำเลยอ้างในฎีกา แต่เมื่อคำสั่งมอบอำนาจไม่ได้ถูกยกเลิกเพิกถอน คำสั่งมอบอำนาจดังกล่าวของนายธารินทร์ที่ได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีขณะนายธารินทร์เป็นผู้มีอำนาจกระทำแทนโจทก์นั้นคงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย เหตุที่ขณะฟ้องนายธารินทร์พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการของโจทก์ไปแล้วจึงหาได้ทำให้ฐานะของผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์สิ้นสุดตามไปด้วยไม่ คดีฟังได้ว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้โดยชอบแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน