คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเป็นวัตถุที่ต้องห้ามประเภทเดียวกัน กฎหมายมีเจตนารมณ์ให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน จึงบัญญัติบทความผิดกัหบบทลงโทษไว้ในบทมาตราเดียวกัน ดังนั้นการที่จำเลยมีไว้ในครอบครองขณะเดียวกันจึงเป็นการกระทำกรรมเดียว แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลลงโทษได้เพียงกรรมเดียว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519 ข้อ 6 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 91(ที่ถูกควรเป็น 90) พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 เป็นความผิดกรรมเดียวจำคุก 1 ปีปรับ4,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือนปรับ 2,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 มีกำหนด 2 ปีไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 31 ของกลางให้ริบ
โจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันพิเคราะห์แล้วความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกันกล่าวคือ วัตถุที่ต้องห้ามนั้นไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนก็ดีหรือเครื่องกระสุนปืนก็ดีกฎหมายถือว่าเป็นวัตถุประเภทเดียวกันโดยบัญญัติบทความผิดกับบทลงโทษอยู่ในบทมาตราเดียวกันคือมาตรา 7 กับมาตรา 72 เมื่อจำเลยมีไว้ในครอบครองในขณะเดียวกันจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวแม้โจทก์จะแยกบรรยายการกระทำผิดดังกล่าวของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อ ก.และข้อ ข. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพก็ตามศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นกรรมเดียวจึงชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share