แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสองได้ละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนทั้งสองของโจทก์ด้วยการนำเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ดังกล่าวไปใช้กับสินค้าท่อเหล็กกลมดำของจำเลยทั้งสองจำนวน 10 ท่อ โดยที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายเพราะถูกยึดไว้เป็นของกลางเสียก่อน โจทก์จึงยังไม่ได้รับความเสียหายจากการขาดกำไรในการจำหน่ายสินค้าท่อเหล็กของโจทก์เพราะเหตุที่จำเลยทั้งสองขายสินค้าท่อเหล็กกลมดำดังกล่าว เมื่อไม่มีผู้บริโภครายใดได้ซื้อสินค้าท่อเหล็กดำดังกล่าว จึงไม่มีผู้บริโภครายใดที่หลงเชื่อว่าสินค้าท่อเหล็กนี้เป็นสินค้าของโจทก์และพบว่าเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพดีเทียบเท่ากับสินค้าของโจทก์จนทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายในชื่อเสียงของสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนทั้งสองของโจทก์ โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์เสียชื่อเสียงได้
ค่าเสียหายที่อ้างว่าโจทก์ต้องว่าจ้างพนักงานเป็นการเฉพาะเพื่อชี้แจงเรื่องท่อเหล็กปลอมต่อบรรดาลูกค้าผู้ซื้อสินค้าท่อเหล็กของโจทก์กับกลุ่มที่จะซื้อสินค้าของโจทก์นั้น หากโจทก์ได้เสียค่าใช้จ่ายไปจริง ก็หาได้เป็นความเสียหายอันเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยทั้งสองใช้เครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ เพราะจำเลยทั้งสองยังมิได้จำหน่ายสินค้าท่อเหล็กดำกลมจำนวน 10 ท่อ เนื่องจากถูกจับและเจ้าพนักงานยึดสินค้าท่อเหล็กดำดังกล่าวเป็นของกลางเสียก่อน โจทก์จึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้จากจำเลยทั้งสองได้ โจทก์คงได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวในส่วนที่จำเลยทั้งสองมิได้จ่ายค่าแห่งการใช้เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนทั้งสองของโจทก์เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 24,168,789 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 1,800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 อันเป็นวันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยทั้งสองชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 40,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยทั้งสองไม่โต้แย้งกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด ประกอบกิจการโรงงานผลิตท่อเหล็กตามหนังสือรับรอง โจทก์ยื่นคำขอและได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารวมจำนวน 3 เครื่องหมาย จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ เครื่องหมายการค้า เพื่อใช้กับสินค้าจำพวกที่ 6 รายการสินค้า ท่อเหล็กแป๊บน้ำ โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2539 ตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค 52331 เครื่องหมายการค้า เพื่อใช้กับสินค้าจำพวกที่ 6 รายการสินค้า ท่อเหล็กกลมและสี่เหลี่ยม โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2546 ตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค 190737 และเครื่องหมายการค้า เพื่อใช้กับสินค้าจำพวกที่ 6 รายการสินค้า ท่อเหล็กดำ ท่อเหล็กชุบสังกะสี ท่อเหล็กรูปพรรณ เหล็กโครงสร้างและเหล็กแผ่นดำ โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2547 ตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค 213218 จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการขายเหล็ก ท่อเหล็ก และวาล์ว เดิมใช้ชื่อว่า บริษัทไพพ์ไลน์ซีสเท็ม จำกัด ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทสยามไพพ์ไลน์ซีสเท็ม จำกัด เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2555 โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ในระหว่างปี 2547 ถึงปี 2555 ตามหนังสือรับรอง เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2554 พนักงานอัยการฟ้องจำเลยทั้งสอง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 108 และมาตรา 110 (1) ประกอบมาตรา 108 มีความว่า เมื่อระหว่างวันที่ 4 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2553 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายการค้า ที่ได้รับการจดทะเบียนดังกล่าวของโจทก์บนท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ซึ่งเป็นสินค้าของจำเลยทั้งสอง โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าเป็นการทำปลอมเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ที่จดทะเบียนไว้ดังกล่าว และจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ที่มีตราเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนทั้งสองดังกล่าวของโจทก์ เหตุเกิดที่ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร และแขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน เจ้าพนักงานยึดท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ดังกล่าวพร้อมด้วยแผ่นสังกะสีที่ฉลุรอยตราเครื่องหมายการค้า จำนวน 1 แผ่น สีสเปรย์ขาวและดำสำหรับใช้พ่นจำนวน 12 กระป๋อง กับแผ่นสังกะสีที่ฉลุรอยเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นอีกจำนวน 3 แผ่น อันเป็นอุปกรณ์ที่จำเลยทั้งสองใช้และมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในคดีดังกล่าว ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อ.501/2555 ว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 108 และมาตรา 110 (1) ประกอบมาตรา 108 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 ลงโทษจำเลยทั้งสองหลังลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 160,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 160,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้คุมความประพฤติของจำเลยที่ 2 ไว้ด้วย
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสองละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งได้รับการจดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรกับสินค้าในจำพวกที่ 6 รายการสินค้า ท่อเหล็กกลมและสี่เหลี่ยม และรายการสินค้าท่อเหล็กดำ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2546 และวันที่ 10 พฤษภาคม 2547 ตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค 190737 และเลขที่ ค 213218 โดยจำเลยทั้งสองปลอมเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ดังกล่าวและนำเครื่องหมายการค้าปลอมนั้นไปใช้กับสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ เพื่อนำสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวนดังกล่าวออกจำหน่าย ตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในคดีหมายเลขแดงที่ อ.501/2555 กับจำเลยทั้งสองได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตามที่โจทก์จะนำสืบเพิ่มเติมในชั้นพิจารณา ซึ่งในส่วนที่โจทก์จะนำสืบเพิ่มเติมในชั้นพิจารณานี้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้พอเข้าใจได้ว่า จำเลยทั้งสองละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในราชอาณาจักรทั้งสองเครื่องหมายของโจทก์ดังกล่าวอย่างไร ทั้งตามทางนำสืบของโจทก์ก็ปรากฏว่าโจทก์อ้างส่งภาพถ่ายท่อเหล็กจำนวนประมาณ 12 ท่อ และภาพถ่ายท่อเหล็กจำนวนประมาณ 200 ท่อ ในโกดังของจำเลยที่ 1 ซึ่งยังไม่ได้ติดเครื่องหมายการค้าใด และโจทก์อ้างส่งวิดีโอบันทึกภาพการจับกุม ซึ่งแสดงให้เห็นโกดังอันเป็นสถานที่เก็บท่อเหล็กของจำเลยที่ 1 ณ เลขที่ 137 หมู่ที่ 5 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งท่อเหล็กดังกล่าวยังไม่ได้ติดเครื่องหมายการค้าใด พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า จำเลยทั้งสองยังมิได้นำเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรไว้กับสินค้าท่อเหล็กตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค 190737 และเลขที่ ค 213218 ไปใช้กับสินค้าท่อเหล็กของจำเลยทั้งสองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรดังกล่าว พยานหลักฐานของโจทก์คงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสองได้ละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรไว้กับสินค้าท่อเหล็กตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค 190737 และเลขที่ ค 213218 โดยนำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวไปใช้กับสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ของกลางในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.501/2555 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์เท่านั้น ดังนี้ ที่โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นพิจารณาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบในชั้นพิจารณารับฟังได้แล้วว่าจำเลยทั้งสองละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์นั้นจึงฟังไม่ขึ้น
คดีคงมีปัญหาให้ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเพียงว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 1,800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 อันเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์เนื่องจากจำเลยทั้งสองได้ละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายการค้า ของโจทก์ซึ่งได้รับการจดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรไว้กับสินค้าท่อเหล็กตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค 190737 และเลขที่ ค 213218 โดยจำเลยทั้งสองนำเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ดังกล่าวไปใช้กับสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ของกลางในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.501/2555 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ดังที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการที่โจทก์ขาดกำไร ค่าเสียหายที่โจทก์เสียชื่อเสียง และค่าเสียหายที่โจทก์ต้องว่าจ้างพนักงานเป็นการเฉพาะเพื่อชี้แจงเรื่องท่อเหล็กปลอมต่อบรรดาลูกค้าผู้ซื้อสินค้าท่อเหล็กของโจทก์กับกลุ่มที่จะซื้อสินค้าของโจทก์นั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสองได้ละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ที่ได้รับการจดทะเบียนไว้กับสินค้าท่อเหล็กตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ ค 190737 และเลขที่ ค 213218 ด้วยการนำเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ดังกล่าวไปใช้กับสินค้าท่อเหล็กกลมดำของจำเลยทั้งสองจำนวนเพียง 10 ท่อ โดยจำเลยทั้งสองยังไม่ได้นำสินค้าท่อเหล็กจำนวน 10 ท่อ นั้นออกจำหน่ายเพราะถูกเจ้าพนักงานยึดไว้เป็นของกลางในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.501/2555 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเสียก่อน โจทก์จึงยังไม่ได้รับความเสียหายจากการขาดกำไรในการจำหน่ายสินค้าท่อเหล็กของโจทก์เพราะเหตุที่จำเลยทั้งสองขายสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ดังกล่าว และเมื่อยังไม่มีผู้บริโภครายใดได้ซื้อสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ที่จำเลยทั้งสองใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนทั้งสองของโจทก์กับสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ จึงไม่มีผู้บริโภครายใดที่หลงเชื่อว่าสินค้าท่อเหล็กจำนวน 10 ท่อ นี้เป็นสินค้าของโจทก์และพบว่าเป็นสินค้าท่อเหล็กที่ไม่มีคุณภาพดีเทียบเท่ากับสินค้าท่อเหล็กของโจทก์จนทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายในชื่อเสียงของสินค้าท่อเหล็กของโจทก์ที่ใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนทั้งสองของโจทก์ โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์เสียชื่อเสียงดังที่โจทก์อ้างในคำฟ้องได้ ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ต้องว่าจ้างพนักงานเป็นการเฉพาะเพื่อชี้แจงเรื่องท่อเหล็กปลอมต่อบรรดาลูกค้าผู้ซื้อสินค้าท่อเหล็กของโจทก์กับกลุ่มที่จะซื้อสินค้าของโจทก์นั้น หากโจทก์ได้เสียค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างดังกล่าวไปจริง ก็หาได้เป็นความเสียหายอันเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยทั้งสองใช้เครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ได้รับการจดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรตามทะเบียนเครื่องหมายการค้า กับสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.501/2555 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ เพราะจำเลยทั้งสองยังมิได้จำหน่ายสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อนั้น เนื่องจากจำเลยทั้งสองถูกจับและเจ้าพนักงานยึดสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ดังกล่าวเป็นของกลางเสียก่อน โจทก์จึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้จากจำเลยทั้งสองได้ โจทก์คงได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวในส่วนที่จำเลยทั้งสองมิได้จ่ายค่าแห่งการใช้เครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรตามทะเบียนเครื่องหมายการค้า กับสินค้าท่อเหล็กกลมดำจำนวน 10 ท่อ ดังกล่าวเท่านั้นซึ่งในเรื่องนี้ปรากฏจากคำเบิกความของนายณัฐพล พนักงานฝ่ายขายบริษัทโจทก์ที่ตอบทนายโจทก์ขออนุญาตศาลถามว่า ราคาต่อหน่วยของท่อเหล็กขนาด 14 นิ้ว เป็นเงินจำนวน 14,500 บาท ราคาต่อหน่วยดังกล่าวเป็นราคาที่โจทก์ขายให้แก่จำเลยที่ 1 ตามใบส่งของและใบกำกับภาษี ซึ่งโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นถึงความมีชื่อเสียงของเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ที่ได้รับการจดทะเบียนดังกล่าวว่าเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่ผู้ซื้อสินค้าท่อเหล็กของโจทก์ที่ใช้เครื่องหมายการค้าทั้งสองนั้นหรือไม่ เมื่อหักต้นทุนและกำไรในการขายสินค้าท่อเหล็กของโจทก์ 1 ท่อ จากราคา 14,500 บาท แล้ว เห็นสมควรกำหนดเป็นค่าใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์ดังกล่าวกับสินค้าท่อเหล็ก 1 ท่อ เป็นเงินจำนวน 1,450 บาท เมื่อจำเลยทั้งสองใช้เครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์กับสินค้าท่อเหล็กของจำเลยทั้งสองจำนวน 10 ท่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ จึงเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์แก่โจทก์จำนวน 14,500 บาท ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 1,800,000 บาท นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 14,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 อันเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ