คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์มีข้อความว่า ศาลกระทำการอันไม่เป็นธรรมเข้าข้างฝ่ายจำเลยทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีข้อความเช่นนี้ในอุทธรณ์แสดงว่าโจทก์กล่าวไว้โดยเจตนาดูหมิ่นเสียดสีศาล เมื่อเอามายื่นต่อศาลถือได้ว่าประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการกระทำละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1)แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษได้ทันที โดยไม่จำต้องออกข้อกำหนดตามมาตรา 30 ก่อน ดังเช่นเรื่องการรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาลและศาลไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แก้ไขอุทธรณ์นั้นก่อนตามมาตรา 18แม้ศาลจะมีคำสั่งให้โจทก์แก้ไขและโจทก์ทำอุทธรณ์ฉบับใหม่มายื่นต่อศาลแล้ว ก็เป็นเพียงแสดงว่าโจทก์รู้สึกผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายหาใช่การกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลยังมิได้เกิดขึ้นไม่.

ย่อยาว

กรณีเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งว่าอุทธรณ์โจทก์มีข้อความเสียดสีดูหมิ่นศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการละเมิดอำนาจศาลให้จำคุกโจทก์ 1 เดือน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก 1 เดือนและปรับ 500 บาท รอการลงโทษไว้ 2 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำที่เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) นั้น ได้แก่การขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลตามมาตรา 30 อันว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อยประการหนึ่ง กับการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอีกประการหนึ่ง เฉพาะการรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาลเท่านั้นที่ศาลจะต้องออกข้อกำหนดตามมาตรา 30 ส่วนการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลหาได้บัญญัติให้ศาลจำต้องออกข้อกำหนดแต่อย่างใดไม่ เมื่อผู้ถูกกล่าวหาประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลศาลย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ทันที เกี่ยวกับคดีนี้ถ้าอุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งโจทก์นำมายื่นต่อศาลมีข้อความเป็นการดูหมิ่นเสียดสีศาลอันถือได้ว่าประพฤติตนไม่เรียบร้อยอย่างหนึ่งในบริเวณศาล ศาลย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ทันทีโดยมิพักต้องสั่งให้แก้ไขเสียก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ดังที่โจทก์กล่าวอ้างแม้ภายหลังศาลได้มีคำสั่งให้โจทก์แก้ไข มิฉะนั้นจะไม่รับอุทธรณ์โจทก์จึงทำอุทธรณ์ฉบับใหม่มายื่นต่อศาล ก็เพียงแสดงว่าโจทก์รู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้าย หาใช่การกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลยังไม่เกิดขึ้นไม่
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ข้อความในฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไม่เป็นการดูหมิ่นเสียดสีศาลนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความในฟ้องอุทธรณ์ที่กล่าวว่า “…การที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาหลายครั้งศาลก็ไม่มีอำนาจอิสระตามรัฐธรรมนูญต้องหอบสำนวนไปปรึกษาจำเลยซึ่งไม่ถูกต้อง ฯลฯ” นั้น เป็นการกล่าวหาว่าศาลกระทำการไม่เป็นธรรมเข้าข้างฝ่ายจำเลย การที่โจทก์ยกมากล่าวไว้ในอุทธรณ์โดยไม่จำเป็นจึงเป็นการแสดงว่าโจทก์กล่าวไว้โดยเจตนาดูหมิ่นเสียดสีศาล เมื่อเอามายื่นต่อศาลจึงเป็นการกระทำละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 31 (1)แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายืน.

Share