แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งจำเลยที่ 1 ในทางการที่จ้าง ในระหว่างรอรับจำเลยที่ 1 กลับบ้านจำเลยที่ 2 ได้ลอบขับรถไปทำธุรกิจส่วนตัว แล้วขับรถไปชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บ ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างนั้น เพราะจำเลยที่ 2 จะพ้นหน้าที่ขับรถให้แก่จำเลยที่ 1 ก็ต่อเมื่อได้รับจำเลยที่ 1 ส่งกลับ นำรถเข้าที่เก็บเรียบร้อยเป็นปกติเช่นที่เคยปฏิบัติทุกวันนั้นแล้ว ขณะที่จำเลยที่ 2 ยังอยู่ในหน้าที่ขับรถ จำเลยที่ 1 ชอบที่จะควบคุมดูแลจำเลยที่ 2 ให้เป็นไปตามคำสั่งจำเลยที่ 1 จะอ้างการละเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นนายจ้างลูกจ้างมาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่ และจำเลยที่ 1 จะอ้างบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 และมาตรา 583 ซึ่งเป็นบทบัญญัติบังคับระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดของนายจ้างต่อบุคคลภายนอกในมูลละเมิดที่ลูกจ้างกระทำต่อบุคคลภายนอกก็ไม่ได้เช่นกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ขับรถในทางการที่ว่าจ้างของจำเลยที่ ๑ ชนโจทก์ซึ่งเดินข้ามถนนในทางม้าลายโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยละเมิดเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกัน ชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ค่าทนทุกข์เวทนาทรมาน ค่าเสียสุขภาพอนามัยที่ต้องพิการตลอดชีวิต ค่าขาดประโยชน์รวมเป็นเงิน ๖๒๒,๔๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย และค่าเสียหายวันละ ๑๐,๐๐๐ บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าขาของโจทก์จะหายเป็นปกติ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นลูกจ้างและขับรถในทางการที่ว่าจ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ขับรถไปธุระส่วนตัวของจำเลยที่ ๒ โดยมิได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนคำสั่ง เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทของโจทก์ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับการขับรถในทางการที่จ้างเป็นฟ้องเคลือบคลุม ค่าเสียหายเกินสมควร
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ ๒ ขับรถประมาทชนโจทก์เป็นการกระทำละเมิด แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ พิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ พิพากษาแก้ ให้จำเลยที่ ๑ ร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ในขณะกระทำละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์ไปส่งจำเลยที่ ๑ ที่มหาวิทยาลัยมหิดลและในระหว่างจำเลยที่ ๒ รอรับจำเลยที่ ๑ กลับไปบ้าน จำเลยที่ ๒ ได้ลอบขับรถไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากจำเลยที่ ๑ เพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นพนักงานขับรถตามที่เคยสมัครไว้แล้วเกิดขับไปชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ ๒ จะพ้นหน้าที่ขับรถให้แก่จำเลยที่ ๑ ก็ต่อเมื่อได้รับจำเลยที่ ๑ ส่งกลับ นำรถเข้าที่เก็บเรียบร้อยเป็นปกติเช่นที่เคยปฏิบัติทุกวันนั้นแล้ว ขณะที่จำเลยที่ ๒ ยังอยู่ในหน้าที่ขับรถจำเลยที่ ๑ จึงชอบที่จะควบคุมดูแลจำเลยที่ ๒ ให้เป็นไปตามคำสั่ง จำเลยที่ ๑ จะอ้างการละเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นนายจ้างลูกจ้างมาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดและจำเลยที่ ๑ จะอ้างบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๗๕ และมาตรา ๕๘๓ ซึ่งเป็นบทบัญญัติบังคับระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเพื่อใช้ปฏิเสธความรับผิดของนายจ้างต่อบุคคลภายนอกในมูลละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำต่อบุคคลภายนอกหาได้ไม่ ถือได้ว่าจำเลยที่ ๒ ปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ต้อร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๒ ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
พิพากษายืน