แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 3 ได้รับการจ้างวานให้ไปฆ่าโจทก์ร่วม จึงได้วางแผนจัดหาคนที่จะไปลอบยิงรวมทั้งอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ได้นัดให้จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ไปรอยังร้านอาหารใกล้สถานที่เกิดเหตุ ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 1 กับพวกได้ออกจากที่พักนั่งรถแท็กซี่ตามไปในเวลาใกล้เคียงกัน เฝ้าดักรออยู่ในร้านอาหารจนเมื่อเห็นรถของโจทก์ร่วมแล่นออกมา จำเลยที่ 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์มีจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายติดตามไปทันทีเมื่อทันกันแล้ว จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 3 ในการร่วมกันมีและพาอาวุธปืนกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 3 ย่อมมีความผิดฐานร่วมกันมีและพาอาวุธปืน แต่จำเลยที่ 3 ไม่ได้ร่วมติดตามไปยิงโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย เป็นแต่นั่งรถแท็กซี่กลับไปรอฟังผลยังที่พักกับพวก การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงยังไม่ถึงขั้นร่วมกันกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในการยิงโจทก์ร่วมด้วยการแบ่งหน้าที่กันกระทำคงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2ในการยิงโจทก์ร่วม จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)ประกอบด้วยมาตรา 80,86 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 371, 80, 83, 84, 33, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายประสิทธิ์หรือตง ตันศรีสกุล ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 80 กระทงหนึ่ง จำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 1ยังมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม กระทงหนึ่ง จำคุก 9 เดือน และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควรตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371อันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทอีกกระทงหนึ่ง ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 6 เดือน จำเลยที่ 2 ยังมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกกระทงหนึ่ง ปรับ 90 บาท จำเลยที่ 3มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้พยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 80และมาตรา 86 จำคุก 33 ปี 4 เดือน คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 80, 53 จำคุก 33 ปี 4 เดือน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม จำคุก 6 เดือนและตามมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 4 เดือนรวมลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 33 ปี 14 เดือน ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 80, 53 จำคุก 33 ปี4 เดือน มาตรา 371 ปรับ 60 บาท ลงโทษจำเลยที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 86 จำคุก 22 ปี 2 เดือน20 วัน หากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ของกลางริบ สำหรับจำเลยที่ 4และข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
โจทก์ โจทก์ร่วม จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 52(1),80 และ 83 กระทงหนึ่ง จำคุกตลอดชีวิต และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 9 เดือน กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ วรรคสองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ประกอบมาตรา 83 อีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกคนละ 6 เดือนเรียงกระทงลงโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตกับอีก 15 เดือน คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงให้จำคุกแต่ละคนมีกำหนด 33 ปี 14 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ขณะโจทก์ร่วมขับรถยนต์ออกจากสถานอบไอน้ำบริเวณโรงภาพยนตร์วอชิงตันไปตามซอยสุขุมวิท 31 ได้ถูกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ตามและยิงเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมตาบอดทั้งสองข้าง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 มีว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำผิดฐานพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนกับฐานมีและพาอาวุธปืนดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้รับการจ้างวานให้ไปฆ่าโจทก์ร่วมจึงได้วางแผนจัดหาคนที่จะไปลอบยิง อาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ได้นัดให้จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ไปรอยังร้านอาหารใกล้สถานที่เกิดเหตุ ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 1กับพวกได้ออกจากที่พักนั่งรถแท็กซี่ตามไปในเวลาใกล้เคียงกันเฝ้าดักรออยู่ในร้านอาหารจนเมื่อเห็นรถของโจทก์ร่วมแล่นออกมาจำเลยที่ 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์มีจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายติดตามไปทันที เมื่อทันกันแล้ว จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 3 ในการร่วมกันมีและพาอาวุธปืนกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 3 ย่อมมีความผิดฐานร่วมกันมีและพาอาวุธปืนดังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่จำเลยที่ 3ไม่ได้ร่วมติดตามไปยิงโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วยเป็นแต่นั่งรถแท็กซี่กลับไปรอฟังผลยังที่พักกับพวก การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงยังไม่ถึงขั้นร่วมกันกับจำเลยที่ 1 และที่ 2ในการยิงโจทก์ร่วมด้วยการแบ่งหน้าที่กันกระทำ คงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ในการยิงโจทก์ร่วม จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 80, 86เท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 80, 86 ให้ลงโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก22 ปี 2 เดือน 10 วัน เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีก 10 เดือนแล้ว รวมจำคุกจำเลยที่ 3มีกำหนด 23 ปี 10 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์