คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3144/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ โดยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล แต่มิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 และมิได้อ้างในคำร้องว่าจำเลยได้วางเงินค่าเช่าอันพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีแล้ว เพิ่งจะมากล่าวอ้างในฎีกาของจำเลย การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์และยกคำร้องจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ ๗๙๐ บาท นับแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ ไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะได้ออกไปจากที่ดินพร้อมทั้งรื้อถอนบ้านและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินของโจทก์เสร็จสิ้น กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งว่า อุทธรณ์เรื่องบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม อุทธรณ์เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่มีสาระ ส่วนอุทธรณ์คำสั่งศาลที่งดสืบพยานจำเลยเป็นอุทธรณ์คำสั่งในระหว่างพิจารณาซึ่งมิได้โต้แย้งไว้ จึงไม่รับอุทธณ์ของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๓๔ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์โดยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล แต่มิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล และมิได้อ้างในคำร้องดังกล่าวว่าจำเลยได้วางเงินค่าเช่าไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีแล้วเพิ่งจะมากล่าวอ้างในฎีกาของจำเลย เห็นว่าเป็นความบกพร่องของจำเลย คำสั่งศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share