คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3143/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกอีก 2 คน รุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายวิ่งหนีไปล้มลงนอนอยู่กับพื้น โดยพวกของจำเลยคนหนึ่งใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ศอก และพวกของจำเลยอีกคนหนึ่งใช้ไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 แขน เป็นอาวุธฟันและตีผู้เสียหายหลายครั้งถูกที่ศีรษะผู้เสียหายมีบาดแผล 4 แห่ง ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร 3 เซนติเมตร และ 2 เซนติเมตรอีก 2 แห่งแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 10 วันหาย แม้ขณะเกิดเหตุจำเลยจะร้องบอกกับพวกว่าเอาให้ตาย แต่ปรากฏว่าจำเลยชกผู้เสียหายเพียง 1 ครั้ง แล้วไม่ได้ทำอะไรอีก และพวกของจำเลยก็มิได้ทำตามที่จำเลยร้องบอกทั้งที่จะทำร้ายผู้เสียหายมากไปกว่านั้นก็ย่อมกระทำได้ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยกับพวกมิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้มีดและไม้เป็นอาวุธฟันและตีประทุษร้ายร่างกายผู้เสียหายหลายครั้งโดยเจตนาฆ่าแต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ไม่ได้รับอันตรายแก่กายบาดเจ็บขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๘๓ จำคุก ๓ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่าจำเลยที่ ๑ กับพวกอีก ๒ คนโดยคนหนึ่งมีมีดปลายแหลมยาวประมาณ ๑ ศอกเป็นอาวุธ อีกคนหนึ่งมีไม้ไผ่ยาวประมาณ ๑ แขน เป็นอาวุธส่วนจำเลยที่ ๑ ไม่มีอาวุธ ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ในขณะที่ผู้เสียหายวิ่งหนีไปล้มลงนอนอยู่กับพื้น โดยพวกของจำเลยที่ ๑ คนหนึ่งใช้ไม้ไผ่ตีถูกบริเวณคอ ๑ ที จำเลยที่ ๑ ชกต่อยผู้เสียหาย ๑ ครั้ง ถูกบริเวณตาขวาของผู้เสียหาย ผู้เสียหายหน้ามืด จากนั้นผู้เสียหายก็ถูกตีและฟันที่ศีรษะอีกหลายครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย มีบาดแผลที่บริเวณศีรษะซีกขวา ๔ แห่ง ยาวประมาณ ๔ เซนติเมตร ๓ เซนติเมตร และ ๒ เซนติเมตรอีก ๒ แห่ง เห็นว่า แม้พวกของจำเลยที่ ๑ จะใช้มีดและไม้ไผ่ฟันตีที่บริเวณศีรษะ แต่บาดแผลที่ปรากฏก็เป็นบาดแผลเล็กน้อยแพทย์มีความเห็นว่ารักษาประมาณ ๑๐ วันหาย และพนักงานสอบสวนก็เห็นว่าบาดแผลของผู้เสียหายไม่ร้ายแรง เมื่อจำเลยที่ ๑ กับพวกไปแล้วผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งกลับบ้านได้ พิเคราะห์ถึงอาวุธมีดที่พวกของจำเลยที่ ๑ ใช้ฟันทำร้ายประกอบกับโอกาสที่จะทำร้ายแล้ว หากจำเลยที่ ๑ กับพวกเจตนาที่จะฆ่าผู้เสียหายย่อมจะทำได้ เนื่องจากขณะนั้นผู้เสียหายอยู่คนเดียวและล้มนอนอยู่ และที่จำเลยที่ ๑ ร้องบอกพวกว่า เอาให้ตาย ก็ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ชกผู้เสียหายเพียง ๑ ครั้ง แล้วไม่ได้ทำอะไรอีก หากจำเลยที่ ๑ เจตนาให้ตายจำเลยที่ ๑ ก็น่าจะลงมือทำร้ายมากไปกว่าชกเพียง ๑ ที และพวกของจำเลยที่ ๑ ก็มิได้ทำตามที่จำเลยที่ ๑ ร้องบอกพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ ๑ กับพวกมิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
พิพากษายืน

Share