คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ขาดงานติดต่อกันเกิน 10 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควรถือได้ว่าโจทก์ทำความเสียหายให้แก่จำเลยอยู่ในตัว จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันแทนค่าเสียหายที่โจทก์ขาดงานได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยทำหน้าที่พนักงานเก็บค่าโดยสาร เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2526 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ขาดงานติดต่อกันเกิน 10 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะระหว่างวันดังกล่าวโจทก์มีความจำเป็นต้องไปให้การต่อพนักงานสอบสวนในคดีที่โจทก์ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนพนักงาน ไม่สามารถไปปฏิบัติงานได้แต่ได้มอบหมายให้บิดาไปแจ้งให้จำเลยทราบถึงสาเหตุของการหยุดงานแล้ว การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างโดยไม่ปรากฏความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เงินบำเหน็จ ค่าชดเชย และเงินประกันแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยชอบด้วยข้อบังคับของจำเลยเพราะโจทก์ละทิ้งหน้าที่ติดต่อในคราวเดียวกันเกินกว่า 10 วัน เมื่อโจทก์ไม่มาปฏิบัติงานได้ 5 วัน จำเลยได้มีหนังสือสอบถามไปยังที่อยู่ของโจทก์ แจ้งให้โจทก์ไปรายงานตัวและชี้แจงเหตุผลภายในวันที่ 2 มิถุนายน 2526 โจทก์ไม่ไปติดต่อตามกำหนด เพียงแต่มีจดหมายของบิดาโจทก์ตอบไปว่า โจทก์ไปทำงานไม่ได้ ยังมีเรื่องทำร้ายร่างกายจึงยังจัดการไม่เรียบร้อย จำเลยได้สอบข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์มีเรื่องทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายนายทองอยู่ แก้วพึงทรัพย์ แล้วหลบหนีไปเพื่อให้พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำเลยเห็นว่า การกระทำของโจทก์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา การละทิ้งหน้าที่ไปเกินกว่า 10 วัน เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับของจำเลย การที่โจทก์ขาดงานไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นระยะเวลานานถึง 15 วัน เป็นเหตุให้จำเลยต้องเสียหายขาดพนักงานปฏิบัติงานไป ทำให้รายได้จากการขายตั๋วโดยสารลดลง จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันทั้งหมด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ขาดงานไปเกินกว่า 10 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จำเลยมีสิทธิไล่โจทก์ออกได้ตามข้อบังคับของจำเลย สำหรับเงินประกันนั้นไม่ปรากฏว่าโจทก์ทำความเสียหายแก่จำเลย จำเลยจะริบเงินประกันของโจทก์ไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยคืนเงินประกันจำนวน 2,000 บาทแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามระเบียบองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ว่าด้วยเงินประกันและผู้ค้ำประกันของพนักงาน พ.ศ. 2523 ข้อ 2 กำหนดว่า เงินประกัน หมายความว่า เงินที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเรียกเก็บจากผู้จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงาน รวมทั้งเงินที่เรียกเก็บเพิ่มเติมในภายหลัง เพื่อเป็นหลักประกันความเสียหายที่พนักงานจะกระทำให้เกิดขึ้นแก่องค์การหรือแก่บุคคลภายนอกที่องค์การต้องรับผิดไม่ว่าจะเป็นความเสียหายทางทรัพย์สินหรือความเสียหายอื่นใดและข้อ 8 กำหนดว่า “พนักงานที่ออกจากตำแหน่งในองค์การด้วยเหตุใด ๆ โดยมิได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง หรือมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือมิได้มีหนี้สินจะต้องชดใช้แก่องค์การจะได้รับเงินประกันคืน เว้นแต่พนักงานที่ถูกไล่ออกหรือให้ออกเพราะกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ให้ริบเงินประกันทั้งหมด 8.1 ฯลฯ 8.8ขาดงานติดต่อกันเกินกว่า 10 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ฯลฯ” โจทก์ได้วางเงินประกันไว้แก่จำเลยเป็นเงิน 2,000 บาท เห็นว่าการที่โจทก์ขาดงานติดต่อกันเกินกว่า 10 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือว่าได้ทำความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่องค์การจำเลย ตามความหมายแห่งระเบียบดังกล่าวอยู่ในตัวแล้ว โจทก์เป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารขาดงานติดต่อกันถึง 15 วัน จำนวนเงินประกันที่ริบเป็นจำนวน 2,000 บาท ไม่สูงเกินส่วน จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันแทนค่าเสียหายที่โจทก์ขาดงานได้

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับคำขอเรียกเงินประกันคืน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share