แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ขาดงานติดต่อกันเกิน 10 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือได้ว่าโจทก์ทำความเสียหายให้แก่จำเลยอยู่ในตัว จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันแทนค่าเสียหายที่โจทก์ขาดงานได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยทำหน้าที่พนักงานเก็บค่าโดยสาร เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๒๖ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ขาดงานติดต่อกันเกิน ๑๐ วันโดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะระหว่างวันดังกล่าวโจทก์มีความจำเป็นต้องไปให้การต่อพนักงานสอบสวนในคดีที่โจทก์ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนพนักงาน ไม่สามารถไปปฏิบัติงานได้แต่ได้มอบหมายให้บิดาไปแจ้งให้จำเลยทราบถึงสาเหตุของการหยุดงานแล้ว การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างโดยไม่ปรากฏความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เงินบำเหน็จ ค่าชดเชย และเงินประกันแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยชอบด้วยข้อบังคับของจำเลยเพราะโจทก์ละทิ้งหน้าที่ติดต่อในคราวเดียวกันเกินกว่า๑๐ วัน เมื่อโจทก์ไม่มาปฏิบัติงานได้ ๕ วัน จำเลยได้มีหนังสือสอบถามไปยังที่อยู่ของโจทก์ แจ้งให้โจทก์ไปรายงานตัวและชี้แจงเหตุผลภายในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๒๖ โจทก์ไม่ไปติดต่อตามกำหนด เพียงแต่มีจดหมายของบิดาโจทก์ตอบไปว่า โจทก์ไปทำงานไม่ได้ ยังมีเรื่องทำร้ายร่างกายจึงยังจัดการไม่เรียบร้อย จำเลยได้สอบข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์มีเรื่องทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายนายทองอยู่แก้วพึงทรัพย์ แล้วหลบหนีไปเพื่อให้พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำเลยเห็นว่า การกระทำของโจทก์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา การละทิ้งหน้าที่ไปเกินกว่า ๑๐ วัน เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับของจำเลย การที่โจทก์ขาดงานไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นระยะเวลานานถึง ๑๕ วัน เป็นเหตุให้จำเลยต้องเสียหายขาดพนักงานปฏิบัติงานไป ทำให้รายได้จากการขายตั๋วโดยสารลดลง จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันทั้งหมด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ขาดงานไปเกินกว่า ๑๐ วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จำเลยมีสิทธิไล่โจทก์ออกได้ตามข้อบังคับของจำเลย สำหรับเงินประกันนั้นไม่ปรากฏว่าโจทก์ทำความเสียหายแก่จำเลย จำเลยจะริบเงินประกันของโจทก์ไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยคืนเงินประกันจำนวน ๒,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามระเบียบองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ว่าด้วยเงินประกันและผู้ค้ำประกันของพนักงาน พ.ศ. ๒๕๒๓ ข้อ ๒ กำหนดว่า เงินประกัน หมายความว่า เงินที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเรียกเก็บจากผู้จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงาน รวมทั้งเงินที่เรียกเก็บเพิ่มเติมในภายหลัง เพื่อเป็นหลักประกันความเสียหายที่พนักงานจะกระทำให้เกิดขึ้นแก่องค์การหรือแก่บุคคลภายนอกที่องค์การต้องรับผิดไม่ว่าจะเป็นความเสียหายทางทรัพย์สินหรือความเสียหายอื่นใดและข้อ ๘ กำหนดว่า “พนักงานที่ออกจากตำแหน่งในองค์การด้วยเหตุใด ๆ โดยมิได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง หรือมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือมิได้มีหนี้สินจะต้องชดใช้แก่องค์การจะได้รับเงินประกันคืน เว้นแต่พนักงานที่ถูกไล่ออกหรือให้ออกเพราะกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ให้ริบเงินประกันทั้งหมด ๘.๑ ฯลฯ ๘.๘ ขาดงานติดต่อกันเกินกว่า ๑๐ วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ฯลฯ” โจทก์ได้วางเงินประกันไว้แก่จำเลยเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท เห็นว่าการที่โจทก์ขาดงานติดต่อกันเกินกว่า ๑๐ วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือว่าได้ทำความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่องค์การจำเลย ตามความหมายแห่งระเบียบดังกล่าวอยู่ในตัวแล้ว โจทก์เป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารขาดงานติดต่อกันถึง ๑๕ วัน จำนวนเงินประกันที่ริบเป็นจำนวน ๒,๐๐๐ บาท ไม่สูงเกินส่วน จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันแทนค่าเสียหายที่โจทก์ขาดงานได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับคำขอเรียกเงินประกันคืน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง