คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์หรือฎีกาในปัญหาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมอย่างเดียว เว้นแต่จะได้ยกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์ว่าการที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์สามในสี่ส่วนในกรณีที่โจทก์ถอนฟ้องโดยหักไว้หนึ่งในสี่คิดเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท เป็นการหักไว้มากเกินไปขอให้หักเงินค่าขึ้นศาลไว้ไม่เกิน 5,000 บาท และคืน ค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์เพิ่มอีก 45,000 บาท นั้น เป็นการ อุทธรณ์โต้แย้งเฉพาะดุลพินิจในการสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาล อันเป็นปัญหาในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว โดยมิได้ยกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมิได้กำหนดหรือคำนวณ ให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ตามบทบัญญัติดังกล่าวประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ชำระค่าตอบแทนแก่โจทก์ตามสัญญาที่จำเลยทั้งสี่ว่าจ้างโจทก์ให้เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการสรรหาผู้ร่วมลงทุนในธุรกิจการโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ในประเทศเกาหลี อันเป็นการให้บริการระหว่างประเทศ จำนวน 3,142,500 ดอลลาร์สหรัฐคิดเป็นเงินไทยจำนวน 172,837,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 3,000,000 ดอลลาร์สหรัฐนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และจำเลยทั้งสี่ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยทั้งสี่ได้รับสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องแล้วได้ยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสี่ คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์สามในสี่ส่วน จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ขอให้คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์เพิ่มขึ้น
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาเกี่ยวกับการสั่งคืนค่าขึ้นศาลในกรณีที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากมีการถอนฟ้อง ซึ่งค่าขึ้นศาลดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมศาลอันเป็นค่าฤชาธรรมเนียมอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 167 บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในกรณีที่มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ซึ่งในกรณีที่จำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อได้มีการถอนฟ้องนั้นตามมาตรา 151 วรรคสอง บัญญัติให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือบางส่วนแก่คู่ความที่เกี่ยวข้องซึ่งได้เสียไว้ในเวลายื่นคำฟ้องได้ตามที่เห็นสมควรการที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์สามในสี่ส่วน จึงเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควรตามที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ดังกล่าวและมาตรา 168 บัญญัติห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์หรือฎีกาในปัญหาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมอย่างเดียว เว้นแต่จะได้ยกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางคืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์สามในสี่ส่วนในกรณีที่โจทก์ถอนฟ้องโดยหักไว้หนึ่งในสี่คิดเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท เป็นการหักไว้มากเกินไปขอให้หักเงินค่าขึ้นศาลไว้ไม่เกิน 5,000 บาท และคืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์เพิ่มอีก 45,000 บาท นั้น เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งเฉพาะดุลพินิจในการสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลอันเป็นปัญหาในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว โดยมิได้ยกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งดังกล่าวมาข้างต้นประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์

Share