คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3136/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงินในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คที่มีผู้นำไปทำสัญญาขายลดแก่โจทก์ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 พร้อมด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดจะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับเอกเทศสัญญาอื่นมาใช้บังคับแก่จำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2526จำเลยที่ 1 ได้นำเช็คจำนวน 11 ฉบับ ซึ่งมีจำเลยที่ 2 ที่ 3ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายบางฉบับ ไปทำสัญญาขายลดแก่ธนาคารโจทก์สาขาราชวงศ์เมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามเช็ค โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้รวม 7 ฉบับ โจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสามแล้ว จำเลยทั้งสามไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินให้โจทก์1,286,019.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีในต้นเงิน 1,090,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน322,345.89 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน300,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 214,835.61 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 200,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 2ที่ 3 สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยที่ 1 ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อสินค้า โดยตกลงกันว่า เมื่อจำเลยที่ 1 มอบสินค้าให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 แล้ว จึงจะเรียกเก็บเงินตามเช็คได้แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ส่งมอบสินค้า เช็คดังกล่าวจึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์ทราบแล้วว่าเช็คดังกล่าวไม่มีมูลหนี้ ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายลดเช็คดังกล่าวโดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 2 ที่ 3 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องทั้งเมื่อมีการทำสัญญาขายลดเช็คดังกล่าวแล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้ชำระเงินตามเช็คดังกล่าว ขอให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน1,286,019.16 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีในต้นเงิน 1,090,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 300,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแต่ละฉบับ คือวันที่ 9 และ 14มกราคม 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยก่อนฟ้องที่จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดต้องไม่เกิน 22,345.89 บาท ตามที่โจทก์ขอ และให้จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 200,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค คือวันที่ 23 มกราคม 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยก่อนฟ้องที่จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต้องไม่เกิน 14,835.61 บาท ตามที่โจทก์ขอ จำเลยที่ 2 และที่ 3อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคำให้การจำเลยและตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.7 และ จ.8 จำเลยที่ 3เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.9 ส่วนจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวเป็นผู้นำเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.7 จ.8 และ จ.9 ไปขายลดแก่โจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คเอกสารหมาย จ.3 เมื่อเช็คพิพาทแต่ละฉบับถึงกำหนดชำระแล้ว โจทก์ได้นำไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทแต่ละฉบับโดยให้เหตุผลว่าโปรดติดต่อผู้สั่งจ่ายบ้าง และยังไม่มีการตกลงกับธนาคารบ้าง ตามใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.15 ถึง จ.17
ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2ที่ 3 ให้รับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท เพราะสัญญาขายลดเช็คระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นเอกเทศสัญญาอย่างหนึ่ง โจทก์ต้องฟ้องจากจำเลยที่ 1 เท่านั้น โจทก์จะนำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 มาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 2ที่ 3 หาได้ไม่ เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 ที่ 3ชำระหนี้ตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน ดังนั้นจะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับเอกเทศสัญญาอื่นมาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ตามที่จำเลยที่ 2ที่ 3 ฎีกาไม่ได้ ต้องปรับบทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 900 ซึ่งบัญญัติว่า บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้นฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณารับฟังได้ว่า ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระเงินตามเช็คพิพาทที่แต่ละคนเป็นผู้สั่งจ่ายพร้อมด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัด นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเหล่านั้นแต่ละฉบับ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share