แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้มีชื่อซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยได้ยินยอมให้โจทก์และบริวารใช้ถนนพิพาท แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องต่อมาว่าโจทก์ใช้ถนนพิพาทโดยความสงบโดยเปิดเผย และด้วยถือว่าเป็นถนนซึ่งเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ติดต่อมาเป็นเวลากว่า 20 ปีโดยผู้มีชื่อและจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินก็มิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิบนถนนแต่ประการใด ถนนดังกล่าวตลอดทั้งสายจึงตกเป็นภาระจำยอมตามกฎหมายแก่ที่ดินของโจทก์ คำว่ายินยอมตามคำฟ้องของโจทก์จึงมีความหมายว่า เจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยรู้ว่าโจทก์ใช้ถนนพิพาทแล้วมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิบนถนนพิพาทนั้นเองมิได้มีความหมายว่า โจทก์ขออนุญาตเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยใช้ถนนพิพาทแต่อย่างใด เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ใช้ถนนพิพาทโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาให้เป็นภาระจำยอมเกินกว่า 10 ปี โดยมิได้ขออนุญาตใช้ถนนพิพาทจากเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยถนนพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ทิศตะวันออกของที่ดินจำเลยอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์เดิมที่ดินของจำเลยเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้มีชื่อ ต่อมามีการซื้อขายกันมาจนเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ผู้มีชื่อและจำเลยยินยอมให้โจทก์กับบริวารและบุคคลทั่วไปใช้ถนนพิพาทโดยความสงบเปิดเผยและด้วยถือว่าเป็นถนนซึ่งเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 20 ปี ผู้มีชื่อและจำเลยไม่เคยหวงห้ามหรือสงวนสิทธิแต่ประการใด ถนนพิพาทกว้างประมาณ 6 เมตร ยาว 12 เมตร รถยนต์เข้าออกได้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2530 จำเลยนำเสาปูนซีเมนต์และอุปกรณ์ก่อสร้างกองไว้จะสร้างอาคารคร่อมถนนพิพาททำให้โจทก์ไม่อาจผ่านเข้าออกได้ตามปกติ ขอให้พิพากษาว่าถนนพิพาทเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนเสาปูนซีเมนต์และอุปกรณ์ก่อสร้างออกไปจากถนนดังกล่าว หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้โจทก์รื้อได้เองโดยให้จำเลยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายและห้ามจำเลยและบริวารขัดขวางการใช้ถนนของโจทก์และบริวาร
จำเลยให้การว่า ถนนพิพาทกว้างเพียง 1.50 เมตร โจทก์และบุคคลทั่วไปใช้ถนนพิพาทมาเพียง 7 ปี ถนนพิพาทจึงไม่ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ เจ้าของคนก่อนและจำเลยก็เคยบอกกล่าวแก่โจทก์และบุคคลทั่วไปให้ผ่านเข้าออกเพียงชั่วคราว จำเลยปิดกั้นถนนพิพาทจริง แต่ได้เปิดทางใหม่กว้าง 2.60 เมตร ห่างถนนพิพาทเพียง 10 เมตรโจทก์สามารถใช้ทางใหม่ได้สะดวก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับว่า ถนนภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องตลอดสายเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยรื้อเสาปูนซีเมนต์และอุปกรณ์การก่อสร้างออกไปจากถนนพิพาท ห้ามจำเลยขัดขวางการใช้ถนนของโจทก์และบริวาร
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ตามคำเบิกความของนายโอบ เกตากุล ในชั้นไต่สวนขอคุ้มครองชั่วคราวและคำฟ้องของโจทก์จะเห็นได้ว่าโจทก์เข้าออกในที่ดินพิพาทและถมดินในที่ดินพิพาทโดยความยินยอมของนายทอง นางกิ้มห้องและจำเลย จึงถือว่าโจทก์ใช้ทางโดยเจตนาจะเอาเป็นทางภาระจำยอมมิได้เห็นว่า แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้มีชื่อซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยได้ยินยอมให้โจทก์และบริวารใช้ถนนพิพาท แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องต่อมาว่าโจทก์ใช้ถนนพิพาทโดยความสงบ โดยเปิดเผย และด้วยถือว่าเป็นถนนซึ่งเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ติดต่อมาเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยผู้มีชื่อและจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินก็มิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิบนถนนแต่ประการใด ถนนดังกล่าวตลอดทั้งสายจึงตกเป็นภาระจำยอมตามกฎหมายแก่ที่ดินของโจทก์ คำว่ายินยอมตามคำฟ้องของโจทก์จึงมีความหมายว่า เจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยรู้ว่าโจทก์ใช้ถนนพิพาทแล้วมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิบนถนนพิพาทนั้นเอง มิได้มีความหมายว่าโจทก์ขออนุญาตเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยใช้ถนนพิพาทแต่อย่างใดทั้งโจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์ใช้ถนนพิพาทโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาให้เป็นภาระจำยอมเกินกว่า 10 ปี โดยมิได้ขออนุญาตให้ใช้ถนนพิพาทจากเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลย ถนนพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
พิพากษายืน