แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
บทบัญญัติ ป.วิ.อ. มาตรา 238 วรรคหนึ่งที่ว่า ต้นฉบับเอกสารเท่านั้นที่อ้างเป็นพยานได้ เป็นบทบัญญัติในภาค 5 ของ ป.วิ.อ. ซึ่งมุ่งหมายที่จะใช้บังคับแก่พยานหลักฐานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ตามมาตรา 226 ผู้ร้องเพียงนำสืบว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เครื่องถ่ายเอกสารของกลางที่ศาลสั่งริบแล้วเพื่อขอให้ศาลสั่งคืนแก่ผู้ร้องตาม ป.อ. มาตรา 36 กรณีจึงไม่จำต้องนำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้โดยเคร่งครัด เมื่อผู้ร้องแนบสำเนาสัญญาเช่าซื้อซึ่งผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องรับรองว่าถูกต้องและมีจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของกลางและลงชื่อในสำเนาสัญญาเช่าซื้อมาเบิกความยืนยัน ซึ่งโจทก์ยื่นคำคัดค้านเพียงว่าโจทก์ไม่รับรองสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องอ้าง โดยมิได้คัดค้านว่าสำเนาสัญญาเช่าซื้อมีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับและไม่ถูกต้องอย่างไร สำเนาสัญญาเช่าซื้อจึงรับฟังได้ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของกลาง เมื่อจำเลยยังชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ร้องไม่ครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เครื่องถ่ายเอกสารของกลางและมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนเครื่องถ่ายเอกสารของกลาง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 10, 12, 15 และริบเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อโกดัก รุ่นอินเมทเซ็ท 50 หมายเลขเครื่อง 0002055 ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2546 จำเลยเช่าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อโกดัก รุ่นอินเมทเซ็ท 50 หมายเลขเครื่อง 0002055 ของกลางไปจากผู้ร้อง จำเลยยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์เครื่องถ่ายเอกสารของกลางจึงยังเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้คืนเครื่องถ่ายเอกสารของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์เครื่องถ่ายเอกสารของกลาง โจทก์ไม่รับรองสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้คืนเครื่องถ่ายเอกสารของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยนำเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อโกดัก รุ่นอันเมทเซ็ท 50 หมายเลขเครื่อง 0002055 ของกลาง ไปใช้กระทำความผิดคดีนี้ และศาลมีคำพิพากษาให้ริบและคดีฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 โดยที่โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านได้ว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ในชั้นนี้คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เครื่องถ่ายเอกสารของกลางหรือไม่ ผู้ร้องมีจำเลยเบิกความเป็นพยานว่า จำเลยเช่าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของกลางจากผู้ร้องในราคา 120,000 บาท ชำระค่าเช่าซื้อ 12 งวด เริ่มชำระเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อ จำเลยผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ร้อง 6 งวด ตามสำเนาใบเสร็จรับเงิน หลังจากเครื่องถ่ายเอกสารของกลางถูกริบ จำเลยไม่ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่ผู้ร้องอีก เห็นว่า ผู้ร้องมีสำเนาสัญญาเช่าซื้อที่ นายมนัส ลี้สมบัติวัฒนะ ผู้รับมอบอำนาจรับรองว่าถูกต้องและมีจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของกลางและลงชื่อในสำเนาสัญญาเช่าซื้อมาเบิกความยืนยัน คดีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งคืนเครื่องถ่ายเอกสารของกลางที่ศาลสั่งริบแล้วตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 จึงไม่จำต้องนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 238 มาใช้บังคับโดยเคร่งครัด เพราะบทบัญญัติในภาค 5 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามุ่งหมายที่จะใช้แก่พยานหลักฐานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ เมื่อผู้ร้องได้แนบสำเนาสัญญาเช่าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของกลางมาท้ายคำร้องแล้ว โจทก์ยื่นคำคัดค้านเพียงว่าโจทก์ไม่รับรองสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องอ้าง โดยโจทก์มิได้คัดค้านว่าสำเนาสัญญาเช่าซื้อมีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับและไม่ถูกต้องอย่างไร ทั้งจะแปลความคำคัดค้านของโจทก์ดังกล่าวว่าหมายถึงโจทก์คัดค้านทั้งความถูกต้องและความมีอยู่ของสัญญาเช่าซื้อดังที่โจทก์ฎีกามิได้ การที่ผู้ร้องไม่ส่งต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 238 วรรคหนึ่ง สำเนาสัญญาเช่าซื้อจึงรับฟังได้ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของกลาง เมื่อจำเลยยังชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ร้องไม่ครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เครื่องถ่ายเอกสารของกลางและมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนเครื่องถ่ายเอกสารของกลาง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษาให้คืนเครื่องถ่ายเอกสารของกลางให้แก่ผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน