แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นข้าราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 4 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเรือนจำกลาง จำเลยที่ 2เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัสดุในเรือนจำกลาง และจำเลยที่ 3 เป็นหัวหน้าฝ่ายอบรมและฝึกวิชาชีพในเรือนจำกลาง จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ได้ร่วมกันสั่งซื้อสินค้าประเภทวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการก่อสร้างจากโจทก์โดยไม่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อ อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของทางราชการ แต่ระเบียบดังกล่าวเป็นระเบียบปฏิบัติของทางราชการ กำหนดให้หน่วยราชการปฏิบัติจึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 4 จะต้องคอยควบคุมดูแลให้ข้าราชการในสังกัดปฏิบัติตาม การที่จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบการสั่งซื้อวัสดุ การทำบัญชีหนี้สินและการส่งมอบจึงเป็นเรื่องภายในระหว่างจำเลยที่ 4 กับจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะหาผูกพันบุคคลภายนอกไม่ จำเลยที่ 4 จะอ้างระเบียบปฏิบัติของส่วนหรือหน่วยราชการมาเพื่อให้พ้นจากความรับผิดหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นข้าราชการในสังกัดของกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 4 โดยขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานี จำเลยที่ 2 มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัสดุในเรือนจำกลางอุบลราชธานีและจำเลยที่ 3มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายอบรมและฝึกวิชาชีพในเรือนจำกลางอุบลราชธานี จำเลยที่ 4 เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีนายสนิท รุจิณรงค์ เป็นอธิบดี จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ซึ่งกระทำภายในขอบเขตแห่งอำนาจหน้าที่ราชการของตนได้ร่วมกันสั่งซื้อสินค้าประเภทวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างจากร้านของโจทก์ โดยอ้างจะนำไปใช้ในกิจการและการก่อสร้างของส่วนราชการภายในเรือนจำกลางอุบลราชธานี โจทก์จึงตกลงขายและได้จัดส่งมอบสินค้าตามที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันสั่งซื้อให้แก่จำเลยทั้งสามรับมอบไปครบถ้วนแล้ว คิดเป็นมูลค่าสินค้าทั้งสิ้นเป็นเงินจำนวน158,949 บาท โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตกลงจะเบิกจ่ายเงินค่าสินค้าดังกล่าวแก่โจทก์ในปลายเดือนธันวาคม 2527 เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระเงินค่าสินค้าตามที่ตกลงกัน จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 หาได้ชำระหนี้แก่โจทก์ไม่ การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อยู่ในขอบเขตแห่งอำนาจหน้าที่และกิจการของจำเลยที่ 4 ซึ่งจำเลยที่ 4 จะต้องรับผิดด้วยโจทก์ได้ทวงถามจำเลยทั้งสี่แล้ว แต่จำเลยทั้งสี่เพิกเฉย จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานีได้สั่งการในนามของตัวแทนจำเลยที่ 4มอบให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะเป็นข้าราชการกรมราชทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และที่ 4 ไปสั่งซื้อสินค้าจากนายประวิทย์เป็นจำนวนหลายรายการ รวมเป็นเงินประมาณ 100,000บาทเศษ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงได้ไปสั่งซื้อสินค้าจากนายประวิทย์ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 4 และเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 4 และได้รับสินค้าจากนายประวิทย์มาให้จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นตัวการด้วยเหตุนี้จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อนายประวิทย์ในการชำระราคาสินค้า ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่เคยสั่งซื้อสินค้าประเภทวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างจากร้านของโจทก์เพื่อนำไปใช้ในกิจการของเรือนจำกลางอุบลราชธานีตามอำนาจหน้าที่ของตน และไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานเกี่ยวกับเอกสารเสนอขอซื้อวัสดุอุปกรณ์ของหัวหน้างานต่าง ๆ ของเรือนจำกลางอุบลราชธานีที่มีถึงผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานีจำเลยที่ 1 เพื่อขออนุมัติให้จัดซื้อ และจำเลยที่ 1ได้มีการอนุมัติให้จัดซื้อสินค้าดังกล่าวจากโจทก์ ทั้งโจทก์เองก็ไม่เคยมอบสินค้าประเภทวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ให้แก่เรือนจำกลางอุบลราชธานี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 4และถ้าหากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 สั่งซื้อสินค้าประเภทวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างไปจากโจทก์ ก็เป็นการกระทำไปในฐานะส่วนตัวเพื่อประโยชน์ของตนเอง ไม่มีเจตนาจะให้ผูกพันเรือนจำกลางอุบลราชธานี และจำเลยที่ 4 ทั้งนี้เพราะจำเลยที่ 1ถึงที่ 3 ไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ อีกทั้งมิได้ปฏิบัติตามระเบียบการบัญชี การรับจ่ายเงินและการเก็บรักษาเงินของเรือนจำและทัณฑสถานต่าง ๆ และมิได้จดแจ้งแสดงหลักฐานนำส่งกรมราชทัณฑ์เพื่อให้กรมราชทัณฑ์ทราบฐานะทางการเงินและความผูกพันของเรือนจำกลางอุบลราชธานีกับบุคคลภายนอก ประกอบกับในหลักฐานการรับส่งมอบหน้าที่การงานระหว่างนายอดุลย์ สรรพิบูลย์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานีคนปัจจุบันกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่22 ตุลาคม 2528 ก็ไม่ปรากฏว่ามีหนี้สินค่าสินค้าดังกล่าวอยู่ในบัญชีส่งมอบหน้าที่การงาน จำเลยที่ 4 จึงไม่จำต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 4 ชำระเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จำเลยที่ 4 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นข้าราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 4โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานี จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัสดุในเรือนจำกลางอุบลราชธานี และจำเลยที่ 3 เป็นหัวหน้าฝ่ายอบรมและฝึกวิชาชีพในเรือนจำกลางอุบลราชธานี จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกันสั่งซื้อสินค้าประเภทวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการก่อสร้างจากโจทก์คิดเป็นเงิน 158,949 บาท และยังไม่ได้ชำระค่าสินค้าดังกล่าวให้แก่โจทก์ มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 4 ว่า จำเลยที่ 4ไม่ต้องรับผิดชำระค่าสินค้าตามฟ้องแก่โจทก์ เพราะหนี้ค่าสินค้าตามฟ้องเกิดจากการที่จำเลยที่ 1 สั่งซื้อและดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้ออันเป็นการกระทำโดยพลการเพื่อประโยชน์ตนเอง ไม่มีเจตนาจะให้ผูกพันเรือนจำกลางอุบลราชธานีและจำเลยที่ 4 จึงไม่ดำเนินการตามระเบียบแบบแผนของทางราชการในการจัดซื้อสินค้า และไม่ปรากฏหลักฐานการรับมอบสินค้าจากโจทก์และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งบัญชีเจ้าหนี้ของเรือนจำกลางอุบลราชธานี และไม่แจ้งจำเลยที่ 4 ทราบ รวมทั้งบัญชีส่งมอบงานในหน้าที่ระหว่างจำเลยที่ 1 กับนายอดุลย์ สรรพิบูลย์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานีคนปัจจุบันก็ไม่ปรากฏหลักฐานการเป็นหนี้โจทก์ เห็นว่าระเบียบปฏิบัติที่จำเลยที่ 4 อ้างเป็นระเบียบปฏิบัติของทางราชการกำหนดให้หน่วยราชการปฏิบัติ จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 4 จะต้องคอยควบคุมดูแลให้ข้าราชการในสังกัดปฏิบัติตาม การที่จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบการสั่งซื้อวัสดุ การทำบัญชีหนี้สินและการส่งมอบงานจึงเป็นเรื่องภายในระหว่างจำเลยที่ 4 กับจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะหาผูกพันบุคคลภายนอกไม่ จำเลยที่ 4จะอ้างระเบียบปฏิบัติของส่วนหรือหน่วยราชการมาเพื่อให้พ้นจากความรับผิดหาได้ไม่ นอกจากนี้จำเลยที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานี จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นข้าราชการของเรือนจำกลางอุบลราชธานี โจทก์และประชาชนในท้องถิ่นนั้นย่อมรู้จัก ประกอบกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เคยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์และชำระราคาแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 สั่งซื้อสินค้าในคดีนี้จากโจทก์ โจทก์ย่อมเชื่อโดยสุจริตว่า จำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 สั่งซื้อสินค้าไปเพื่อใช้ในกิจการของเรือนจำกลางอุบลราชธานี”
พิพากษายืน