แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การแต่ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กะประเด็นข้อนี้ไว้จำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้วเท่ากับไม่ได้มีการว่ากล่าวประเด็นนี้ใน ศาลชั้นต้น แม้จำเลยอาจยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ได้โดยถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่งไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นเมื่อเห็นสมควรศาลอุทธรณ์ก็อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองเช่นกัน หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อกฎหมายดังกล่าวไม่สมควรได้รับการวินิจฉัยแล้วแม้จำเลยจะได้อุทธรณ์ขึ้นมาด้วย ก็ไม่มีเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้อีกฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่มีเหตุสมควรจะวินิจฉัยอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวของจำเลยจึงหาเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 134 ซึ่งห้ามมิให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมตัดสินคดี โดยอ้างว่าไม่มีกฎหมายหรือกฎหมายเคลือบคลุมไม่บริบูรณ์แต่อย่างใดไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 9 ฉบับพร้อมทั้งดอกเบี้ยรวม 256,548.29 บาท
จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นด้วยเหตุหลายประการรวมทั้งการที่โจทก์ดำเนินธุรกิจเอาเปรียบประชาชน เป็นการต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ด้วย
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทในชั้นชี้สองสถานว่า จำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่ และตั๋วนั้นมีมูลหนี้ต่อกันหรือไม่ จำเลยได้ออกไปโดยสำคัญผิด กลฉ้อฉล และได้บอกล้างแล้วหรือไม่ แล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้องแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ให้การว่ากิจการของโจทก์ขัดต่อประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 เรื่องควบคุมกิจการค้าอันเป็นสาธารณูปโภค โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องแต่ศาลชั้นต้นมิได้กะประเด็น และมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยมีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง และมาตรา 249 วรรคสอง จำเลยได้อุทธรณ์แล้ว จึงไม่ใช่กรณีที่ศาลอุทธรณ์จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัยหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้เป็นการมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 134และขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาอำนาจฟ้องดังกล่าวด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ แต่ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กะประเด็นข้อนี้ไว้จำเลยหาได้โต้แย้งอย่างใดไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้วเท่ากับไม่ได้มีการว่ากล่าวประเด็นนี้ในศาลชั้นต้น แม้จำเลยอาจยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ได้โดยถือว่าเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่งไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นเมื่อเห็นสมควรศาลอุทธรณ์ก็อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองเช่นกัน หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อกฎหมายดังกล่าวไม่สมควรได้รับการวินิจฉัยแล้ว แม้จำเลยจะได้อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้อีก ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวของจำเลย จึงหาเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 134ซึ่งห้ามมิให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมตัดสินคดี โดยอ้างว่าไม่มีกฎหมายหรือกฎหมายเคลือบคลุมไม่บริบูรณ์แต่อย่างใดไม่
พิพากษายืน