คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรวม 15 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ต้องไปทำสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดอีกครั้งหนึ่ง และเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ยังมิได้ชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือ 8,500,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 สิทธิเรียกร้องที่จะให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินรวม 15 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาจะซื้อจะขายยังมิอาจบังคับกันได้ โจทก์ยังไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ตามความหมายในบทบัญญัติของ ป.อ. มาตรา 350 การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่โอนที่ดิน 3 แปลงใน 15 แปลงดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 จึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 90, 91, 350
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1 ให้ประทับฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 จำคุก 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2555 โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรวม 15 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างกับจำเลยที่ 1 ในราคา 9,000,000 บาท วางมัดจำในวันทำสัญญา 500,000 บาท ส่วนที่เหลือ 8,500,000 บาท จะชำระในวันที่ 31 ตุลาคม 2555 อันเป็นวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ต่อมาวันที่ 22 ตุลาคม 2555 โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวแจ้งยืนยันกำหนดวันนัดทำสัญญาซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินไปยังจำเลยที่ 1 และในวันเดียวกันจำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 4779, 4780 และ 4781 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน 15 แปลง ที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะขายให้แก่โจทก์ ให้แก่จำเลยที่ 2 ตามหนังสือสัญญาขายที่ดินพร้อมโฉนดที่ดิน มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรวม 15 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ต้องไปทำสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสัญญาซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ยังมิได้ชำระหนี้ค่าที่ดินส่วนที่เหลือจำนวน 8,500,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 สิทธิเรียกร้องที่จะให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินรวม 15 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาจะซื้อจะขายยังมิอาจบังคับกันได้ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ตามความหมายในบทบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่โอนที่ดิน 3 แปลงดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 ขาดองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ขอให้รอการลงโทษไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานโกงเจ้าหนี้มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share