คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5032/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มีทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะโดยเดินบนทางสันเขื่อน ริมคลองบางซ่อน ซึ่งเป็นซ่อน ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นคลองระบายน้ำของกรุงเทพมหานครออกไปสู่ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 อันเป็นถนนสาธารณะ แม้ทางดังกล่าวจะเป็นทางบนสันเขื่อน แต่กรุงเทพมหานครสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมา ที่ดินโจทก์จึงไม่เป็นที่ดินที่ถูกปิดล้อมไม่มีทางออกสู่ ทางสาธารณะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1349 วรรคหนึ่ง จึงไม่มีสิทธิขอผ่านที่ดินของจำเลยโดยอ้างเหตุจำเป็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3344 แขวงบางซ่อน เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานครซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 3345 แขวงบางซ่อน เขตบางซื่อกรุงเทพมหานคร ของนางประยงค์ อภิชม ที่ดินโจทก์อยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์และผู้อาศัยในที่ดินโจทก์ได้ใช้ทางเดินเท้าผ่านที่ดินนางประยงค์เป็นระยะทาง 10 เมตรเพื่อเข้าออกสู่ถนนสาธารณะเพียงทางเดียวตลอดมา โดยสงบเปิดเผยมาเป็นเวลากว่า 50 ปี จนได้ภารจำยอมโดยอายุความตามกฎหมายต่อมาเมื่อปี 2535 นางประยงค์ถึงแก่กรรม จำเลยที่ 1 และที่ 2ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางประยงค์ ได้ทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างและรั้วกีดขวางทางเดินดังกล่าว ซึ่งเป็นทางจำเป็นและโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความแล้ว โจทก์และผู้อาศัยในที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ทำให้โจทก์ขาดรายได้จากการประกอบอาชีพ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและรั้วที่กีดขวางทางเข้าออกของโจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ยอมรื้อถอนขอให้ศาลสั่งให้โจทก์รื้อถอนเองโดยให้จำเลยทั้งสามเป็นผู้ออกค่ารื้อถอน ให้จำเลยทั้งสามจัดหาที่ดินเพื่อใช้เป็นทางเดินภารจำยอมตามกฎหมายของโจทก์เพื่อใช้เดินออกสู่ทางสาธารณะได้ตลอดไป ให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าขาดรายได้จากการประกอบอาชีพตามปกติแก่โจทก์วันละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสามจะเปิดทางให้แก่โจทก์เช่นเดิม
จำเลยทั้งสามให้การว่า ที่ดินของโจทก์ไม่ได้ตกอยู่ในที่ล้อมเพราะที่ดินโจทก์อยู่ติดกับทางสาธารณะเลียบคลองบางซ่อนโจทก์และผู้อยู่อาศัยในที่ดินสามารถใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 หรือถนนซอยประชาราษฎร์ 25 อันเป็นทางสาธารณะได้โดยสะดวก จำเลยทั้งสามครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3345 ดำเนินกิจการโรงเลื่อยและแปรรูปไม้โจทก์และผู้อาศัยในที่ดินโจทก์ไม่เคยใช้เป็นทางเดินผ่านจนได้ภารจำยอมเหนือที่ดินจำเลย แต่โจทก์และผู้อยู่อาศัยในที่ดินโจทก์ใช้ทางเดินเข้าออกทางทิศใต้ของที่ดินโจทก์ผ่านโรงเลื่อยคงประสิทธิ์ออกสู่ถนนซอยประชาราษฎร์ 25 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่าที่ดินของโจทก์ทางทิศตะวันออก ทางตะวันตกและทางทิศใต้มีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ คงมีแต่ทางทิศเหนือ ซึ่งอยู่ติดคลองบางซ่อน และที่ริมคลองมีเขื่อนซึ่งปัจจุบันโจทก์ใช้ทางเดินบนสันเขื่อนริมคลองบางซ่อนของกรุงเทพมหานคร ออกสู่ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 ได้ เห็นว่าโจทก์มีทางเดินออกสู่ถนนสาธารณะโดยเดินทางสันเขื่อนริมคลองบางซ่อน ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นคลองระบายน้ำของกรุงเทพมหานครออกไปสู่ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 อันเป็นถนนสาธารณะแม้ทางดังกล่าวจะเป็นทางบนสันเขื่อน แต่กรุงเทพมหานครสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมา ดังนั้นที่ดินโจทก์จึงไม่เป็นที่ดินที่ถูกปิดล้อมไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคหนึ่งโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอผ่านที่ดินของจำเลยทั้งสามโดยอ้างเหตุจำเป็นเมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามเปิดทางจำเป็นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share