แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้เงินตามเช็คให้แก่โจทก์ โดยฟังว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลฎีกาพิพากษาคดีส่วนอาญาเกี่ยวกับเช็คพิพาทว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ดังนี้เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาวินิจฉัยในคดีอาญาเพียงว่า จำเลยออกเช็คให้ อ. โดย อ.ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงินในขณะออกเช็ค แม้เช็คดังกล่าวมาตกอยู่แก่โจทก์จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลฎีกามิได้วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จะต้องฟ้องข้อเท็จจริงตามคดีส่วนอาญาว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คหรือไม่ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็ค เป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์รับโอนเช็คโดยคบคิดกันฉ้อฉล และไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลฎีกาวินิจฉัยไว้ในคดีส่วนอาญาว่า “พฤติการณ์ตามคดีน่าเชื่อว่า จำเลยออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าให้นายอุดม อุดมสันติสุข เป็นประกันการซื้อกิจการและหุ้นของบริษัทแร่อุดมจำกัด โดยมีข้อตกลงกันว่า ถ้าสำรวจแร่แล้วปรากฏว่ามีแร่ จำเลยจึงจะรื้อ นายอุดมเองก็ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงินในขณะออกเช็ค จึงมีผลเท่ากับว่านายอุดมและจำเลยต่างไม่ได้มีเจตนาให้มีการใช้หนี้เงินตามเช็ค ดังนี้ แม้เช็คดังกล่าวจะไปตกอยู่แก่โจทก์และธนาคารปฏิเสธการใช้เงินก็ตาม จำเลยก็หามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ ไม่” ตามคำวินิจฉัยดังกล่าว ศาลฎีกามิได้วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค คดีจึงไม่มีประเด็นจะวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีส่วนอาญาว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คหรือไม่
พิพากษายกฎีกาจำเลย