คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อที่พิพาทเป็นที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 แล้วแม้โจทก์ฟ้องคดีภายหลังที่จำเลยเข้าครอบครองเก็บผลประโยชน์เกิน 1 ปีแล้วก็ตาม ฟ้องโจทก์หาขาดอายุความไม่
พระราชบัญญัติเหมืองแร่ พ.ศ. 2461 มาตรา 51 ให้ผู้ถือประทานบัตรมีอำนาจทำเหมืองแร่ คือ ขุด ล้าง และจำหน่ายแร่ตามที่อนุญาต ไว้ในประทานบัตรนั้นเท่านั้นประทานบัตรทำเหมืองแร่ไม่ได้ให้อำนาจ แก่ผู้ถือประทานบัตรหวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่แผ่นดิน ในเหมืองแร่นั้นเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินสวนผลอาสิน 1 แปลง เดิมเป็นของนายแดง ต่อมานายแดงตาย โจทก์ได้รับมรดกและเข้าครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมากว่า10 ปีแล้ว จำเลยเข้าแย่งเก็บผลอาสินในสวนของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่า เช่าที่พิพาทจากตัวแทนบริษัทเหมืองแร่ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า บริษัทเหมืองแร่ไม่มีอำนาจเอาที่พิพาทไปให้บุคคลภายนอกเช่าทำการเพาะปลูกที่พิพาทเป็นที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 แม้จำเลยจะแย่งการครอบครองไปปีเศษ ก็หาได้สิทธิไม่พิพากษาห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นที่สวนมาแต่ พ.ศ. 2470ก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 เป็นที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 แม้โจทก์จะฟ้องคดีภายหลังที่จำเลยเข้าครอบครองเก็บผลประโยชน์เกิน 1 ปี แล้ว ฟ้องหาขาดอายุความไม่ ส่วนพระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ พ.ศ. 2461 มาตรา 51 นั้น เพียงแต่บัญญัติให้ผู้ถือประทานบัตรมีอำนาจทำเหมืองแร่ คือ ขุด ล้าง และจำหน่ายแร่ตามที่อนุญาตไว้ในประทานบัตรนั้นเท่านั้น ประทานบัตรทำเหมืองแร่ไม่ได้ให้อำนาจแก่ผู้ถือประทานบัตรหวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่แผ่นดินในเหมืองแร่นั้นเลย

พิพากษายืน

Share