คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยบรรจุโจทก์ทำงานในต่างจังหวัด ต่อมาได้ย้ายโจทก์มาประจำในกรุงเทพมหานคร และลดเงินเดือนโจทก์อ้างว่าโจทก์ทำงานบกพร่อง โจทก์โต้แย้งว่าจำเลยกระทำไม่ถูกต้องจำเลยไม่พอใจบังคับให้โจทก์เขียนใบลาออก โดยเสนอเงื่อนไขจ่ายค่าชดเชยให้ 2 เดือนโจทก์เขียนใบลาออกล่วงหน้าแต่ถึงกำหนดจ่ายเงินจำเลยกลับไม่ยอมจ่ายและไม่รับกลับเข้าทำงานอีกการกระทำของจำเลยถือว่าจำเลยมีเจตนาเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิดจำเลยให้การว่าโจทก์ลาออกด้วยความสมัครใจมิได้ถูกบังคับ คดีนี้จึงมีประเด็นว่า โจทก์ลาออกด้วยถูกบังคับ หรือด้วยความสมัครใจ การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยหลอกให้โจทก์ลาออก จึงเป็นการเลิกจ้างโจทก์นั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น อย่างไรก็ตาม ศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์ได้เขียนใบลาออก เมื่อเอกสารดังกล่าวมีข้อความว่าโจทก์ลาออกจากงานโดยจำเลยจะจ่ายเงินให้จำนวนหนึ่ง ก็ต้องถือว่าโจทก์ลาออกด้วยความสมัครใจ คู่กรณีจึงต้องผูกพันตามข้อตกลงนั้นและเมื่อเป็นการลาออกด้วยความสมัครใจแล้ว ปัญหาเรื่องเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมก็ไม่มี คดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องเรียกร้องเงินตามข้อตกลงแต่อาศัยสิทธิตามกฎหมายอื่น ศาลจึงไม่อาจพิพากษาให้ตามฟ้องโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำของบริษัทพาราสิน จำกัด ตำแหน่งพนักงานขายต่างจังหวัด ต่อมาบริษัทจำเลยรับโอนโจทก์จากบริษัทเดิมโดยให้ทำงานในหน้าที่เดิม ต่อมาได้ย้ายโจทก์มาประจำในกรุงเทพมหานคร และลดเงินเดือนโจทก์ อ้างว่าโจทก์ทำงานบกพร่อง โจทก์โต้แย้งว่าจำเลยกระทำไม่ถูกต้องจำเลยไม่พอใจบังคับให้โจทก์เขียนใบลาออก โดยเสนอเงื่อนไขจ่ายค่าชดเชยให้ 2 เดือน โจทก์เขียนใบลาออกล่วงหน้า ครั้นถึงกำหนดนจ่ายเงิน จำเลยไม่ยอมจ่ายโจทก์ต้องการทำงานต่อไปจำเลยไม่ยอม อ้างว่าโจทก์ได้ลาออกแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจที่จะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้าง ค่าสึกหรอรถ ค่าน้ำมันรถ เงินสะสมพร้อมดอกเบี้ย จ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่าโจทก์ลาออกเอง จึงมิใช่เป็นการถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย ค่าชดเชย กับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ของจำเลยมีเจตนาหลอกลวงโจทก์ให้ลาออก จึงถือว่าเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิด จึงต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จากคำฟ้องและคำให้การในประเด็นเรื่องนี้มีว่า โจทก์ลาออกด้วยถูกบังคับ หรือลาออกด้วยความสมัครใจการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ลาออกเพราะไม่อาจรู้ได้ว่าจำเลยจะตั้งเงื่อนไขในการจ่ายเงินตามข้อตกลง จึงเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงการที่จำเลยปกปิดความจริงโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อน เป็นการจงใจนิ่งเสียไม่ใช่ความจริงอันคู่กรณีอีกฝ่ายไม่ทราบถือว่าเป็นกลฉ้อฉล เท่ากับหลอกให้โจทก์ลาออก จึงเป็นการเลิกจ้างโจทก์ เห็นว่าข้อวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ถูกต้องอย่างไรก็ตามศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์ได้เขียนใบลาออกให้แก่จำเลย เมื่อเอกสารดังกล่าวมีข้อความว่าโจทก์ลาออกจากงานโดยจำเลยจะจ่ายเงินให้จำนวนหนึ่ง เมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์ถูกบังคับให้ลาออกก็ต้องถือว่าโจทก์ลาออกด้วยความสมัครใจคู่กรณีต้องผูกพันตามข้อตกลง โดยจำเลยต้องจ่ายเงินตามข้อตกลงให้แก่โจทก์ และเมื่อเป็นการลาออกด้วยความสมัครใจแล้ว ปัญหาเรื่องเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมก็ไม่มีโจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกร้องเงินตามข้อตกลง แต่เรียกร้องโดยอาศัยสิทธิตามกฎหมายอื่นซึ่งศาลจะพิพากษาให้ตามฟ้องโจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่

พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องเรียกร้องจำนวนเงินตามข้อตกลงใหม่

Share