คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกฟ้องว่าสมคบกันทำผิด กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 308,309 แต่ปรากฎว่าขณะรับฟ้องแล้ว กฎหมายลักษณะอาญาถูกยกเลิกไป ตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 แต่ถ้าหากการกระทำที่จำเลยถูกฟ้องอาจเป็นผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา (ม.350) แล้ว ศาลก็ชอบที่จะดำเนินการพิจารณาไป แล้วสั่งหรือพิพากษาไปตามรูปคดี

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเป็นเจ้าหนี้ค่าเครื่องอุปกรณ์การก่อสร้างจำเลยที่ ๑ อยู่ ๓๒,๘๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ได้ออกเช็ค๓ ฉบับสั่งให้ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาราชบุรีซึ่งจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการจ่ายเงินให้โจทก์ เมื่อโจทก์นำเช็คไปขอรับเงิน จำเลยที่ ๒ แจ้งว่าได้สั่งปิดบัญชีของจำเลยที่ ๑ แล้ว โจทก์ได้นำความไปแจ้งให้จำเลยที่ ๓ เพื่อให้กักเงินค่าก่อสร้างอาคารงวด ๕ ซึ่งจำเลยที่ ๓ จะต้องชำระให้จำเลยที่ ๑ เพื่อการชำระหนี้ของโจทก์ จำเลยบอกให้โจทก์ไปฟ้องศาลโจทก์จึงไปฟ้อง ปรากฎว่าตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๘๒/๙๔ ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้เรียกเก็บเงินค่าก่อสร้างงวดที่ ๕ เป็นเงิน ๓๘,๐๐๐ บาท
ระหว่างวันที่ ๔เมษายน ๙๙ เวลากลางวัน ถึง ๓๐ มิถุนายน ๙๙ เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจสมคบกันกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกัน คือ
ก.เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๙๙ เวลากลางวันจำเลยทั้ง ๓ ได้สมคบกันทำเอกสารขึ้น ๒ ฉบับ ๆ หนึ่งเป็นหนังสือที่จำเลยที่ ๑ โอนงานรับเหมาก่อสร้างอาคารให้จำเลยที่ ๒ และมอบให้จำเลยที่ ๒ รับเงินก่อสร้างและเงินประกัน ๑๒๖,๔๕๐ บาทแทนจำเลยที่ ๑ ฉบับที่ ๒ ข้อความตรงกับฉบับที่ ๑ แต่มีข้อความต่อไปให้รับเงินดังกล่าวจากจำเลยที่ ๓ ทั้งนี้โดยเจตนาป้องกันมิให้เงินดังกล่าวต้องถูกยึดหรืออายัดตามคำพิพากษา ซึ่งจำเลยทั้ง ๓ รู้ว่าจะประกาศให้มีการยึดหรืออายัดในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่ศาลากลางจังหวัดราชบุรี
ข. เมื่อวันที่ ๒๒ พ.ค. ๙๙ เวลากลางวัน จำเลยที่ ๒ ได้แกล้งเพทุบายแอบอ้างโดยทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลจังหวัดราชบุรีว่า เงินค่ารับเหมาที่ศาลอายัดเงิน ๓๘,๐๐๐ บาทที่จำเลยที่ ๓ เป็นของจำเลยที่ ๒ ขอให้ถอนการยึดเสีย เหตุเกิดที่ศาลจังหวัดราชบุรี
ค.เมื่อวันที่ ๒๕ พ.ค. ๙๙ เวลากลางวัน จำเลยที่ ๓ ได้เพทุบายยังอาจแอบอ้างโดยทำคำร้องยื่นต่อศาลจังหวัดราชบุรีว่า เงินค่ารับเหมาก่อสร้างอาคารและเงินประกันที่อายัดไว้ต่อจำเลยที่ ๓ เป็นของจำเลยที่ ๒ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจยึดมาเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์
ง.ระหว่างวันที่ ๗ พ.ค.๙๙ ถึงวันฟ้อง วัน เวลาใดไม่ปรากฎชัดจำเลยที่ ๒-๓ ได้สมคบกันจ่ายและรับเงินงวดที่ ๕และเงินประกันของจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๓ เป็นผู้จ่าย จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับ โดยมีเจตนาจะป้องกันมิให้เงินถูกยึดหรืออายัดเพื่อชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาดังกล่าว เหตุเกิดที่ศาลากลางจังหวัดราชบุรี
การกระทำดังกล่าวเป็นการสมคบกันโดยเจตนาจะป้องกันมิให้ทรัพย์ถูกยึดหรืออายัดหรือเรียกเก็บตามคพิพากษาหรือคำสั่งของศาลโดยรู้ จึงขอให้ศาลลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๐๘,๓๐๙,๖๓
ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อความในฟ้องไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่อ้าง จึงถือว่าฟ้องนั้นไม่มีมูลความผิด จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยอาจมีผิดตามฟ้อง จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง แล้วสั่งหรือพิพากษาคดีตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นเริ่มดำเนินการไต่สวนโดยนัดไต่สวน และส่งสำเนาให้จำเลย ๆ ยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมาย โดยกล่าวว่าถ้าศาลชี้ขาดเป็นคุณแก่จำเลยแล้วจะไม่จำเป็นที่ต้องไต่ส่วนคดีต่อไป ปัญหากฎหมายที่อ้างถือตามฟ้องของโจทก์ บัดนี้ ใช้ประมวลกฎหมายอาญาและยกเลิก ก.ม.ลักษณะอาญาการกระทำดังกล่าวไม่มีผิด จึงควรยกฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นพ้องด้วย จึงพิพากษาให้ยกฟ้องของโจทก์ โดยไม่ต้องดำเนินการอย่างใดต่อไป
โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่า จำเลยอาจผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๐ ได้ จึงพิพากษาให้ ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งหรือพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา ศาลฎีกา พิพากษายืน

Share