แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจตนาของผู้กระทำผิดฐานรับของโจรนั้นต้องดูตามพฤติการณ์ทั่วๆ ไปประกอบกัน
เดิมรถจักรยานสองล้อของกลางที่จับได้จากจำเลยมีเลขทะเบียนเมื่อค้นได้ไม่มีแต่หมายเลขใต้อานปรากฏว่าตรงกันกับใบทะเบียนของเจ้าทรัพย์ ข้อนี้ทำให้ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าซื้อมาจากผู้มีชื่อก่อนเกิดเหตุสองปีมาแล้วฟังไม่ได้ก็ตาม โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายแต่พยานโจทก์ว่าเมื่อไปค้นบ้านนั้นรถคันนี้อยู่ในที่เปิดเผย กรณีจึงอาจเป็นว่าจำเลยรับไว้โดยซื่อแต่จงใจปิดบังผู้โอนรถให้มาโดยเกรงว่าจะสูญเสียกรรมสิทธิ์ในรถนี้ก็ได้เมื่อพยานโจทก์และเหตุผล(พฤติการณ์)ในคดีล้วงไปไม่ถือว่าจำเลยได้รับรถมาโดยรู้ว่าเป็นของร้ายเช่นนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับรถจักรยานสองล้อไว้โดยรู้ว่าเป็นของถูกปล้นมา ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลจังหวัดสงขลาฟังว่าจำเลยมีรถของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นของร้ายพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของที่ได้มาผิดกฎหมาย พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 321 จำคุก 6 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เพียงแต่ข้อพิรุธของจำเลยในข้อที่เดิมมีเลขทะเบียนรถเมื่อค้นได้ไม่มี แต่หมายเลขใต้อานปรากฏว่าตรงกันกับใบทะเบียนรถของเจ้าทรัพย์ ฟังได้ชัดว่าเป็นของเจ้าทรัพย์ แม้จะทำให้ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าซื้อมาจากนายนิลที่ร้านน้ำชาก่อนเกิดเหตุสองปีนั้นฟังไม่ได้ก็ตาม เพียงเท่านี้ยังไม่ถึงขนาดจะฟังว่าจำเลยได้รับรถไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยได้รับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย แต่พยานโจทก์และเหตุผลในคดีล้วงไปไม่ถึงว่าจำเลยจะได้รับรถมาโดยรู้ว่าเป็นของร้ายหรือไม่ กรณียังชวนให้คิดว่าจำเลยรับไว้โดยซื้อแต่จงใจปิดบังผู้โอนรถให้มาโดยเกรงจะสูญเสียกรรมสิทธิ์ในรถนี้ไปก็อาจเป็นได้และทั้งพลตำรวจเที่ยงพยานโจทก์ว่า เมื่อไปค้นนั้นรถนี้อยู่ในที่เปิดเผย ไม่ปิดบัง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น