คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3101/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อหาความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน กับให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกคำขอที่ให้นับโทษต่อ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ส่วนข้อหาความผิดฐานฉ้อโกง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ให้จำคุก 2 ปีกับให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้งสี่ และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยให้ยกคำขอที่ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายบางคนกับให้ยกคำขอที่ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นส่วนบทมาตราที่จำเลยกระทำผิดและอัตราโทษจำคุกศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษเท่ากับศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,343, 83, 91 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511มาตรา 4, 7, 27, 28 และขอให้จำเลยคืนเงินให้แก่นายสำรวยกลีบบัว นายสมาน หมวกยอด นายสิงห์ ดอนไพรศรี คนละ 16,000 บาทและนายหมัด ปุมสันเที๊ยะ จำนวน 10,000 บาท กับขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 480/2527และหมายเลขดำที่ 1589/2527 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 480/2527 และหมายเลขดำที่ 1589/2527ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 343, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2521 มาตรา 4, 7, 21, 28 ให้ลงโทษฐานฉ้อโกงประชาชน จำคุก 2 ปี ฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 1 เดือน และให้คืนเงินให้แก่นายสำรวย กลีบบัว นายสมาน หมวกยอด นายสิงห์ ดอนไพรศรี คนละ16,000 บาท และนายหมัด ปุนสันเที๊ยะ จำนวน 10,000 บาท นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1997/2527ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอให้จำเลยคืนเงินแก่นายสำรวย นายสมาน และนายสิงห์ผู้เสียหาย และคำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1997/2527นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปรากฏว่าข้อหาความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน กับให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกคำขอที่ให้นับโทษต่อเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ส่วนข้อหาความผิดฐานฉ้อโกงนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 กับให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้งสี่ และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ยกคำขอที่ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายบางคน กับให้ยกคำขอที่ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่น ส่วนบทมาตราที่จำเลยกระทำผิดและอัตราโทษจำคุกศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษเท่ากับศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 วรรคแรก 83, 91 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2511 มาตรา 4, 7, 27 วรรคแรก, 28 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1997/2527 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share