แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้ามรดกมีหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลย เมื่อเจ้ามรดกตายหุ้นของเจ้ามรดกย่อมตกมาเป็นของทายาททันทีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 และ 1600 ทายาท จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนมติพิเศษของที่ประชุมใหญ่ ตามมาตรา 1195 ได้ แม้ว่าบริษัทจำเลยจะยังไม่ได้จดทะเบียนทายาทเป็นผู้ถือหุ้นก็ตาม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194 หมายความว่าการประชุมครั้งที่ 2 ต้องประชุมกันในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน และไม่มากกว่า 6 สัปดาห์ นับแต่วันประชุมครั้งที่ 1(มิใช่ว่าต้องมีคำบอกกล่าวนัดประชุมครั้งที่ 2 ในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน นับตั้งแต่วันประชุมครั้งที่ 1)
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1190 เมื่อผู้ถือหุ้นสองคนขอให้ลงคะแนนลับแล้ว บริษัทจะต้องลงคะแนนลับ หากฝ่าฝืนมติของที่ประชุมย่อมขัดต่อมาตรา 1194 เมื่อโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นร้องขอ ศาลก็สั่งเพิกถอนมติขอ ที่ประชุมใหญ่นี้ได้ตามมาตรา 1195
การขอให้ลงคะแนนลับไม่ใช่เป็นการเข้าประชุมแทนผู้ถือหุ้นและการขอให้ลงคะแนนลับไม่มีกฎหมายบังคับว่าผู้ถือหุ้นจะต้องไปร่วมประชุมด้วย
กรรมการของบริษัทผู้หนึ่งจะอยู่ในตำแหน่งได้ถึงสิ้นปี 2497 เมื่อกรรมการผู้นั้นตายลง กรรมการที่เหลือเลือกผู้อื่นเป็นกรรมการแทนเมื่อ พ.ศ. 2505 ดังนี้ ย่อมขัดกับมาตรา 1155
เฉพาะแต่ที่ประชุมใหญ่เท่านั้น อาจตั้งหรือถอนกรรมการได้ตามมาตรา 1151 ฉะนั้น เมื่อบริษัทไม่มีการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นจะมาฟ้องขอให้เพิกถอนการตั้งกรรมการมิได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2510)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายโอวบุ้นโฮ้ว และเป็นทายาทตามพินัยกรรม นายโอวบุ้นโฮ้วมีหุ้นอยู่ในบริษัทเอ็งอันการพิมพ์จำเลย2,000 หุ้น โจทก์ขอให้จำเลยโอนหุ้นดังกล่าวให้โจทก์ แต่จำเลยปฏิเสธ จึงขอให้บริษัทจำเลยโอนแก้ทะเบียนหุ้นของนายโอวบุ้นโฮ้วให้แก่โจทก์ และขอให้เพิกถอนมติพิเศษการเพิ่มทุนและแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทจำเลยกับขอให้เพิกถอนกรรมการบริษัทจำเลยด้วย
จำเลยที่ 1, 2, 3 ให้การต่อสู้หลายประการ จำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ผู้ร้องสอดทั้ง 7 อ้างว่าเป็นภริยาและบุตรของนายโอวบุ้นโฮ้ว ขอแบ่งมรดกหุ้นส่วนนี้ด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจัดการโอนหุ้นให้โจทก์ และนายเกา นายโอวชัวกับนางออยการ์ซังผู้ร้องสอด ให้ยกคำขออื่นของโจทก์
โจทก์และผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้เพิกถอนมติพิเศษของบริษัทจำเลย และขอให้เพิกถอนการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 2, 3, 4
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้รับส่วนมรดกเกี่ยวกับหุ้นในบริษัทจำเลยตามพินัยกรรมของนายโอวบุ้นโฮ้ว ปัญหาจึงมีว่าโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของนายโอวบุ้นโฮ้วผู้รับมรดกหุ้นในบริษัทจำเลยสืบแทนนายโอวบุ้นโฮ้วนั้น จะมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนมติพิเศษของที่ประชุมใหญ่ตามมาตรา 1195 โดยที่บริษัทจำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นได้หรือไม่ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องได้ เพราะเมื่อนายโอวบุ้นโฮ้วตาย หุ้นของนายโอวบุ้นโฮ้วก็ตกทอดมาเป็นของโจทก์ผู้เป็นทายาททันที โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นแทนนายโอวบุ้นโฮ้วแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 และ 1600
ที่โจทก์ฎีกาว่า บริษัทจำเลยประชุมครั้งแรกวันที่ 5 มกราคม 2506และได้มีคำบอกกล่าวนัดประชุมครั้งที่ 2 วันที่ 9 มีนาคม 2506 จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194 วรรค 4 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา 1194 หมายความว่าการประชุมครั้งที่ 2 ต้องประชุมกันในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน และไม่มากกว่า 6 สัปดาห์ นับแต่วันประชุมครั้งที่ 1 ซึ่งบริษัทจำเลยได้ปฏิบัติโดยชอบแล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่าในการประชุมครั้งที่ 1 โจทก์ได้มีหนังสือไปยังจำเลยขอให้มีการลงคะแนนลับ หุ้นของโจทก์มี 1475 หุ้น ในจำนวน 4,000 บาท เสียงข้างมากในที่ประชุมจึงได้ไม่ถึง 3 ใน 4 ของเสียงทั้งหมด มติของที่ประชุมใหญ่จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 1194 วรรค 3 ศาลฎีกาเห็นว่า ตามมาตรา 1190 เมื่อมีผู้ถือหุ้น 2 คน ขอให้ลงคะแนนลับแล้วจะต้องลงคะแนนลับ โจทก์ทั้งสองได้เสนอขอให้มีการลงคะแนนลับแล้ว การประชุมครั้งแรกมีคะแนนเสียง 1,800 เสียงเท่านั้น ไม่ถึง 3 ใน 4 ของเสียงทั้งหมดมติของที่ประชุมจึงขัดต่อมาตรา 1194 เมื่อโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นร้องขึ้นมาศาลก็ชอบที่จะสั่งเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่นี้เสียตามมาตรา 1195 ที่จำเลยโต้แย้งว่า โจทก์มิได้ลงนามในหนังสือขอให้ลงคะแนนลับเอง แต่ให้ผู้รับมอบอำนาจลงนามแทนผู้รับมอบอำนาจไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น จึงขัดกับข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ว่า “ถ้าผู้ถือหุ้นคนใดไม่สามารถเข้าประชุมโดยตนเองได้อาจมอบฉันทะให้ผู้ถือหุ้นอื่นเข้าประชุมแทน” นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการขอให้ลงคะแนนลับไม่ใช่เป็นการเข้าประชุมแทนโจทก์ และการที่ผู้ถือหุ้นขอให้ลงคะแนนลับนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับไว้ว่า ผู้ถือหุ้นจะต้องไปร่วมประชุมด้วย ข้อโต้แย้งของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาว่า กรรมการบริษัทจำเลยเลือกจำเลยที่ 4 เป็นกรรมการแทนนายโอวบุ้นโฮ้วเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดที่นายโอวบุ้นโฮ้วจะเป็นกรรมการแล้วจึงไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่านายโอวบุ้นโฮ้วจะอยู่ในตำแหน่งกรรมการได้ถึงสิ้นปี 2497 กรรมการที่เหลือเลือกจำเลยที่ 4 เป็นกรรมการแทนนายโอวบุ้นโฮ้วเมื่อ พ.ศ. 2505 จึงขัดต่อมาตรา 1155
ที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 2, 3 โดยอ้างว่าไม่ได้ออกตามเวรตามมาตรา 1152 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามมาตรา 1151 นั้นเฉพาะแต่ที่ประชุมใหญ่เท่านั้น อาจจะตั้งหรือถอนกรรมการได้ เมื่อบริษัทจำเลยไม่มีการประชุมใหญ่โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้มีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งกรรมการแทนจำเลยที่ 2, 3 ต่อไปได้จะมาฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมิได้
พิพากษาแก้ให้เพิกถอนมติพิเศษการเพิ่มทุนและแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทจำเลย และให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนดังกล่าวของบริษัทจำเลย ให้เพิกถอนการจดทะเบียนนายเซ็งใช้ จำเลยที่ 4 เป็นกรรมการบริษัทจำเลย นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาอุทธรณ์