คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3095/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ขณะยื่นคำฟ้องซึ่งเป็นเวลาที่อายุความครบบริบูรณ์แล้วโจทก์ได้ยอมรับในคำฟ้องว่าโจทก์ต้องชำระราคาสิ่งของที่ซื้อให้แก่จำเลยตามสัญญาและยอมหักค่าสิ่งของดังกล่าวเป็นค่าปรับส่วนหนึ่งคำรับของโจทก์ตามฟ้องดังกล่าวจึงถือว่าโจทก์ได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามป.พ.พ.มาตรา192.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายเครื่องสูบน้ำพร้อมอุปกรณ์ ครบกำหนดตามสัญญา จำเลยไม่ส่งมอบเครื่องสูบน้ำพร้อมอุปกรณ์ ต่อมาจำเลยส่งมอบให้แต่ไม่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่ยอมรับและให้จำเลยนำมาเปลี่ยนให้ถูกต้องจนล่วงเลยกำหนดเวลาตามสัญญาถึง2 ปี 9 เดือน 12 วัน จำเลยจึงนำมาเปลี่ยนให้ตามสัญญา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินค่าปรับแก่โจทก์ แต่ตามสัญญาโจทก์ต้องชำระค่าสิ่งของให้จำเลย โจทก์จึงได้หักค่าสิ่งของดังกล่าวไว้เป็นค่าปรับและขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าปรับส่วนที่ยังขาดให้โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาและไม่มีหน้าที่ชำระค่าปรับแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธินำเงินค่าสิ่งของที่โจทก์ต้องชำระให้จำเลยไปหักเป็นส่วนหนึ่งของค่าปรับ และพฤติการณ์ของโจทก์ถือได้ว่าโจทก์แสดงเจตนาที่จะชำระราคาสิ่งของให้แก่จำเลยแล้ว โดยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ จำเลยในฐานะเจ้าของเงินย่อมมีสิทธิติดตามเอาเงินของจำเลยคืนได้ ขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินค่าสิ่งของแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ตามฟ้องของโจทก์ โจทก์ไม่มีเจตนาชำระเงินค่าสิ่งของให้แก่จำเลยและละประโยชน์แห่งอายุความ จำเลยไม่ฟ้องเรียกเงินค่าสิ่งของเกิน 2 ปี ฟ้องแย้งของจำเลยจึงขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้งจำเลยค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระเงินค่าสิ่งของให้แก่จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “…ข้อความตามฟ้องของโจทก์แสดงให้เห็นว่า ขณะยื่นคำฟ้องโจทก์ยอมรับว่า โจทก์ต้องชำระราคาสิ่งของที่ซื้อจากจำเลยให้แก่จำเลยตามสัญญา และโจทก์ได้หักค่าสิ่งของจำนวนดังกล่าวไว้เป็นค่าปรับส่วนหนึ่งแล้ว คงเรียกร้องขอให้จำเลยชำระค่าปรับที่ยังขาดอยู่ ที่โจทก์อ้างว่า โจทก์ได้หักเงินค่าสิ่งของไว้เป็นค่าปรับตั้งแต่ก่อนที่อายุความจะครบบริบูรณ์ มิใช่เพิ่งแสดงเจตนาขอหักหนี้ในวันฟ้อง จึงไม่เป็นการละเสียซึ่งอายุความนั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าโจทก์หักเงินค่าสิ่งของที่จะต้องชำระไว้เป็นค่าปรับตั้งแต่ พ.ศ.2521 แต่ขณะยื่นคำฟ้องซึ่งเป็นเวลาที่อายุความครบบริบูรณ์แล้วโจทก์ก็ยังยอมรับว่าโจทก์ต้องชำระราคาสิ่งของที่ซื้อให้จำเลยตามสัญญาและยอมหักค่าสิ่งของดังกล่าวเป็นค่าปรับส่วนหนึ่ง คำรับของโจทก์ตามฟ้องดังกล่าวจึงถือได้ว่าโจทก์ได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 หากโจทก์ไม่ประสงค์จะละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความแล้ว โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องเรียกค่าปรับจากจำเลยเต็มจำนวนโดยไม่ยอมหใ้หักค่าสิ่งของไว้เป็นค่าปรับ เพราะขณะยื่นฟ้องอายุความที่จำเลยจะเรียกให้โจทก์ชำระค่าสิ่งของตามสัญญาซื้อขายได้ครบบริบูรณ์ไปแล้ว ดังนั้นโจทก์จึงยกอายุความเป็นข้อต่อสู้หาได้ไม่…”
พิพากษายืน.

Share