คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ตามคำให้การว่าสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ จ. ระบุว่าจะให้โอกาสจำเลยได้ซื้อที่ดินก่อนผู้อื่นเมื่อสิ้นอายุสัญญาเช่าแล้ว ไม่ได้ทำสัญญาเช่าใหม่ต่อกัน ก็ยังรับรองตามข้อตกลงเดิม ดังนี้ ข้อตกลงดังกล่าวมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จะใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ ถึงโจทก์จะทราบดีว่ามีข้อตกลงดังกล่าว ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและถือไม่ได้ว่าสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับ จ. มีวัตถุประสงค์เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงไม่เป็นโมฆะ หาก จ. จะต้องรับผิดต่อจำเลยอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาคดีไปเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 157 ออกจากที่ดินมีโฉนดของโจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามคำฟ้องและคำให้การข้อเท็จจริงในเบื้องต้นได้ความว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 1027875 ตามฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของนางแจ่มจันทร์ จำเลยมีบ้านหนึ่งหลังปลูกอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยจำเลยเช่าที่ดินที่ปลูกบ้านจากนางแจ่มจันทร์ เมื่อสิ้นอายุสัญญาเช่าแล้วไม่ได้ทำสัญญาเช่าใหม่ต่อกัน ต่อมานางแจ่มจันทร์ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้โจทก์โดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2522โจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยและแจ้งให้จำเลยจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่จำเลยเช่าแล้วก่อนฟ้องคดีนี้

พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษาคดีไปเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ตามคำให้การของจำเลยว่านางแจ่มจันทร์ได้ทำสัญญากับจำเลยโดยระบุไว้ในสัญญาด้วยว่าจะให้โอกาสจำเลยได้ซื้อที่ดินแปลงที่เช่าก่อนผู้อื่น และเมื่อสิ้นอายุสัญญาเช่าแล้วนางแจ่มจันทร์ก็ยังรับรองว่าจะเสนอขายที่ดินที่เช่าให้แก่จำเลยก่อนตามข้อตกลง ข้อตกลงดังกล่าวก็มีผลผูกพันเฉพาะนางแจ่มจันทร์กับจำเลยซึ่งเป็นคู่กรณีเท่านั้น จะใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ ถึงโจทก์จะทราบดีว่ามีข้อตกลงดังกล่าวก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และถือไม่ได้ว่าสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับนางแจ่มจันทร์มีวัตถุประสงค์เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงไม่เป็นโมฆะ หากนางแจ่มจันทร์จะต้องรับผิดต่อจำเลยอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก คดีไม่จำต้องสืบพยานโจทก์และจำเลยต่อไป ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ”

Share