แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 2 จำนวน คือจำนวน 149,512.88 บาท กับจำนวน62,248.90 บาท เมื่อรวมแล้วเป็นเงินจำนวน 211,761.78 บาท แม้จะเกินสองแสนบาท แต่ในคำพิพาษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยยอมให้จำเลยหักค่าเช่าฉางและค่ากรรมกรขนข้าวที่โจทก์ค้างชำระแก่จำเลยออกก่อนเป็นจำนวน66,280.97 บาท จึงเท่ากับว่าทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาเหลือเพียง145,480.81 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยตามฟ้องแย้งจำนวน 120,000.97 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้องแย้งจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง