แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เล่นแชร์กับจำเลยซึ่งเป็นนายวงและบรรยายถึงวิธีเล่นแชร์ไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ แชร์แต่ละวงมีผู้เล่นกี่คน เป็นเงินวงละเท่าใด ส่งเงินไปแล้วเท่าใด ดังนี้ ฟ้องโจทก์ชัดแจ้งพอที่จำเลยจะแก้ข้อหาได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่า แชร์แต่ละวงมีใครบ้าง เพราะผู้เล่นแชร์เหล่านั้นไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
การเล่นแชร์เปียหวยหาได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แม้ตกลงกันด้วยวาจาก็ฟ้องร้องบังคับกันได้
โจทก์กับพวกร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 รับต่อหน้าผู้บังคับบัญชาว่าจะพยายามหาทางผ่อนชำระหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้น ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ให้สัตยาบันในหนี้นี้แล้ว การให้สัตยาบันกฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ
หนี้อันเกิดจากการเล่นแชร์เปียหวย เมื่อจำเลยผิดนัดชำระหนี้ โจทก์ย่อมเรียกดอกเบี้ยได้นับแต่วันผิดนัด
ย่อยาว
คดีสองสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นภริยาจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ จัดให้มีการเล่นแชร์เปียหวย โดยจำเลยที่ ๑ เป็นนายวง ทำใบยืมตามจำนวนเงินหุ้นแชร์ให้แก่ลูกวง ได้เปียหวยเดือนละครั้ง โดยลูกวงส่งเงินให้แก่จำเลยที่ ๑ เพื่อส่งแก่ผู้ประมูลได้ โจทก์ทั้งสองสำนวนเข้าเล่นแชร์กับจำเลยที่ ๑ โดยเป็นลูกวงพร้อมผู้อื่นอีกหลายคน ครั้นวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๐๔ แชร์ที่จำเลยที่ ๑ เป็นนายวง เลิกล้มทุกวงเนื่องจากจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาไม่จ่ายเงินแก่ลูกวงผู้ประมูลได้ โจทก์ทั้งสองทวงถามจำเลยทั้ง ๒ จำเลยทั้ง ๒ เพิกเฉย โจทก์กับพวกเจ้าหนี้ร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ยอมรับว่าหนี้สินที่ร้องเรียนเป็นความจริง ฯลฯ
ในสำนวนที่นางแฉล้มเป็นโจทก์มีคำขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้ง ๒ ร่วมกันส่งเงินตามสัญญาในยืม รวม ๒๑,๙๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอีก ๓,๕๑๓ บาท ๓๕ สตางค์ และให้เสียดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะจ่ายเงินเสร็จ
ในสำนวนที่นางอัมพรเป็นโจทก์ มีคำขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งเงินตามสัญญาใบยืม รวม ๓๕,๑๐๐ บาท กับดอกเบี้ย ๖,๓๘๔ บาท ๙๐ สตางค์ และให้เสียดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะจ่ายเงินเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า เงินที่จำเลยที่ ๑ ทำใบยืมให้แก่ผู้ไม่ประมูลนั้น จำนวนเงินไม่จริงตามใบยืม แชร์วงที่นางแฉล้มเป็นโจทก์นั้น โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ ๑ เพียง ๒,๒๐๐ บาท ในสำนวนที่นางอัมพรเป็นโจทก์นั้น จำเลยที่ ๑ ได้รับเงินจากโจทก์ครั้งแรก ๔ วง เป็นเงิน ๔,๐๐๐ บาทเท่านั้น และว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ฯลฯ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า หนี้สินการเล่นแชร์เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ บอกล้างโมฆียะกรรมแล้ว จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชำระเงินตามสัญญาใบยืมรวม ๒๑,๙๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ๓,๕๓๑.๓๑ บาท กับให้เสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในจำนวนเงิน ๒๑,๙๐๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้แก่นางแฉล้ม สายยะวงศ์ โจทก์ และชำระเงินตามสัญญาใบยืม ๓๕,๑๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ๖,๓๘๔.๙๐ บาท กับให้เสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในจำนวน ๓๕,๑๐๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ให้นางอัมพร สิริสิงห์ โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเล่นแชร์กับจำเลยซึ่งเป็นนายวง และบรรยายถึงวิธีการเล่นแชร์ไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก็ได้บรรยายฟ้องว่า แชร์แต่ละวงมีผู้เล่นกี่คน เป็นเงินวงละเท่าใด และส่งเงินไปแล้วเท่าใด ชัดแจ้งพอที่จำเลยจะแก้ข้อหาได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าแชร์แต่ละวงมีใครบ้าง เพราะผู้เล่นแชร์เหล่านั้นไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้เข้าเล่นแชร์กับจำเลยโดยจำเลยเป็นนายวง และเป็นการตกลงโดยปริยายว่าโจทก์ต้องรับผิดเรื่องเงินแชร์รายนี้ต่อผู้เล่นทุกคน ที่จำเลยฎีกาว่าข้อตกลงระห่างโจทก์กับจำเลยถ้ามีจริงก็ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงจะบังคับกันได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การเล่นแชร์เปียหวยหาได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่า ต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แม้จะตกลงกันด้วยวาจาหรือโดยปริยาย ก็ฟ้องร้องบังคับกันได้
ในข้อที่ว่า จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์กับพวกร้องเรียนต่อพลเอกหลวงสุรณรงค์ผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ได้รับต่อหน้าพลเอกหลวงสุรณรงค์ว่าจะยพายามหาทางผ่อนชำระหนี้ให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลาย ดังนี้ จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ ได้ให้สัตยาบันในหนี้จำนวนนี้แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๘๒ การให้สัตยาบันกฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ
จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลล่างบังคับให้จำเลยเสียดอกเบี้ยให้โจทก์นั้น ไม่ถูกเพราะไม่ใช่หนี้เรื่องเงินกู้ เป็นเงินยืมและเงินยืมตามการเล่นแชร์นั้นก็มีเพียงจะคืนเงินตามใบยืมเท่านั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า หนี้นี้ไม่ใช่เรื่องเงินยืมกันตามธรรมดา แต่เป็นเรื่องของการเล่นแชร์เปียหวย เมื่อจำเลยผิดนัดชำระหนี้ โจทก์ก็ย่อมเรียกดอกเบี้ยได้นับแต่วันผิดนัด
พิพากษายืน