แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น ขอให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาทอันเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีนี้แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องไปศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว จำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งที่ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นอุทธรณ์โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ดังนั้นเมื่อคดีก่อนแม้โจทก์จะขอถอนฟ้องไปและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังอุทธรณ์ การถอนฟ้องนั้นยังไม่ถึงที่สุดโดยยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลชั้นอุทธรณ์ จึงห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้อันเป็นเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน หมู่ที่ 3ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เนื้อที่ 4 ไร่1 งาน 55 ตารางวา จำเลยนำรถแทรกเตอร์ไถรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ดังกล่าวเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ แล้วปลูกต้นยางพาราในที่ดินที่รุกล้ำนั้น ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องอีกต่อไปกับให้จำเลยส่งมอบที่พิพาทคืนให้โจทก์ในสภาพเดิม
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของติดต่อกันมานาน 30 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 209/2533 ของศาลชั้นต้นขอให้ยกฟ้อง และพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ห้ามโจทก์เกี่ยวข้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2532 จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินดังกล่าว เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่209/2533 ของศาลชั้นต้น แต่โจทก์ขอถอนฟ้องเพื่อยื่นฟ้องใหม่ จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 209/2533 เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมตกไปด้วย พิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งจำเลยโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่คู่ความแถลงรับกันว่าเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 50/2533คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 209/2533 ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาทอันเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีนี้ แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องไปศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว จำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งที่ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นอุทธรณ์ โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อนหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง บัญญัติว่า “นับแต่เวลาที่ได้ยื่นคำฟ้องแล้ว คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณาและผลแห่งการนี้ (1) ห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลเดียวกันหรือต่อศาลอื่น…ฯลฯ” ตามบทบัญญัตินี้จะเห็นได้ว่าถ้าคดีก่อนค้างพิจารณาอยู่ในศาลจะอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลเดียวกันหรือของศาลอื่นก็ตามหรืออยู่ในระหว่างพิจารณาในศาลชั้นอุทธรณ์ฎีกาแล้ว โจทก์จะนำคดีเรื่องเดียวกันนั้นมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้ เพราะจะเป็นการฟ้องคดีซ้อนกัน ดังนั้นเมื่อคดีก่อนแม้โจทก์จะขอถอนฟ้องไปและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังอุทธรณ์ การถอนฟ้องนั้นยังไม่ถึงที่สุดโดยยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลชั้นอุทธรณ์ จึงห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้อันเป็นเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลอีกตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน