คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3087/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้ได้รับเงินสงเคราะห์รายเดือนตามข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานในการรถไฟแห่งประเทศไทยมิใช่ผู้ได้รับบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ.2521 ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2523 มาตรา 4 โจทก์จึงมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยค่าครองชีพตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่า ผู้ปฏิบัติงานของจำเลยเมื่อออกจากงานแล้วมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ตามข้อบังคับของคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยว่าด้วยกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานในการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 11 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับ ฉบับที่ 41 ที่ 48และที่ 134 โดยระบุไว้ในประกาศฉบับที่ 134 ข้อ 2 ว่า “ผู้ปฏิบัติงานที่ถูกเก็บเงินตามข้อ 2 แห่งข้อบังคับฉบับที่ 11 ให้ได้รับเงินสงเคราะห์ครั้งเดียวหรือเป็นรายเดือน โดยอนุโลมตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และระเบียบการที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายบำนาญทั้งสิ้น” โจทก์ทั้งสองเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานของจำเลยซึ่งลาออกแล้ว และได้รับเงินสงเคราะห์ตามข้อบังคับดังกล่าวเป็นรายเดือนจากจำเลย ต่อมามีพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2523 ออกใช้ และมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม2523 มีปัญหาว่าโจทก์ทั้งสองมีสิทธิได้รับเงินช่วยค่าครองชีพตามฟ้องหรือไม่

โจทก์อุทธรณ์ว่า ต้องนำพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2523 มาใช้อนุโลม ตามข้อบังคับฉบับที่ 134ข้อ 2 โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินช่วยค่าครองชีพตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับเงินสงเคราะห์รายเดือนตามข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานในการรถไฟแห่งประเทศไทย มิใช่ผู้ได้รับบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ. 2521 ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2523 มาตรา 4โจทก์จึงมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยค่าครองชีพตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวและแม้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จะบัญญัติเรื่องการเพิ่มเงินช่วยค่าครองชีพให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ก็มิใช่พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญหรือระเบียบการที่เกี่ยวข้องกับการจ่าบบำนาญอันจำเลยจะต้องนำไปใช้โดยอนุโลม ดังที่ระบุไว้ในข้อบังคับฉบับที่ 134 ว่าด้วยกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานในการรถไฟแห่งประเทศไทย แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 2 การที่จำเลยเคยมีมติอนุโลมตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ. 2521ให้จ่ายเงินช่วยค่าครองชีพตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2521 ตามประกาศของคณะกรรมการจัดการกองทุนสงเคราะห์ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2522 และอนุโลมตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2523 ให้จ่ายเงินช่วยค่าครองชีพสำหรับผู้ได้รับเงินสงเคราะห์รายเดือนอยู่ในวันที่ 1 ตุลาคม 2521 หรือก่อนนั้น ซึ่งไม่รวมถึงโจทก์ทั้งสอง เพราะได้รับเงินสงเคราะห์รายเดือนภายหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2521 นั้น จำเลยมีอำนาจกระทำได้”

พิพากษายืน

Share