คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3081/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยกที่ดินให้จำเลย และให้จำเลยยืมเงินอีกจำนวนหนึ่ง ต่อมาโจทก์ไปทวงเงินคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนกลับด่าโจทก์ผู้เป็นมารดาว่า “อีสำเพ็ง อีหัวหงอก กูไม่ให้อยากจะได้ให้ไปฟ้องร้องเอา” การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) อันเป็นการประพฤติเนรคุณ โจทก์เรียกถอนคืนการให้ที่ดินได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาจำเลย โจทก์และนายดำได้ยกที่ดินตาม ส.ค.๑เลขที่ ๑๗๓ ปัจจุบันมีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๖๒๐ และโจทก์ได้ยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๔๔๐ ให้แก่จำเลย ต่อมาจำเลยบอกปัดไม่ยอมให้ความอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ในขณะที่โจทก์ตกเป็นผู้ยากไร้และจำเลยสามารถจะให้ได้ และได้ด่าโจทก์อันเป็นการหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง ขอให้จำเลยคืนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๖๒๐ เฉพาะส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่ง และเลขที่ ๑๔๔๐ โดยให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ศาลพิพากษา หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยหมิ่นประมาทโจทก์ และไม่เคยบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นสำหรับเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ โจทก์มิใช่ผู้ยากไร้ และโจทก์ยกที่ดินให้จำเลยตามหน้าที่ธรรมจรรยาของมารดา ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิครอบครองร่วมกับจำเลยในที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ ๑๖๒๐ และให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๑๔๔๐ ตามฟ้องให้โจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาในข้อแรกว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๑ (๒)หรือไม่ โจทก์เบิกความว่า เมื่อเดือนเจ็ด พ.ศ.๒๕๓๑ โจทก์ไปทวงเงิน ๒,๔๐๐ บาท คืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนและด่าว่า “อีสำเพ็ง อีหัวหงอก กูไม่ให้ อยากจะได้ให้ไปฟ้องร้องเอา”เห็นว่า ถ้าจำเลยด่าโจทก์ผู้เป็นมารดาด้วยถ้อยคำดังกล่าวจริง การกระทำของจำเลยก็ถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๑ (๒) อันเป็นการประพฤติเนรคุณที่โจทก์จะเรียกถอนคืนการให้ที่ดินที่โจทก์ยกให้จำเลยได้ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ไปทวงเงิน ๒,๔๐๐ บาท คืนจากจำเลยจำเลยไม่ยอมคืนแล้วด่าโจทก์ด้วยถ้อยคำดังที่โจทก์เบิกความจริง การกระทำของจำเลยเป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์ตามบทกฎหมายที่กล่าวแล้ว โจทก์เรียกที่ดินที่ยกให้คืนได้ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้และจำเลยยังสามารถจะให้ได้หรือไม่
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share