คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2788/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีผู้รับประกันวินาศภัยเป็นโจทก์ฟ้องผู้กระทำละเมิด โดยอ้างว่าได้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยนั้น คำฟ้องจะต้องบรรยายให้เห็นว่าโจทก์ผู้รับประกันวินาศภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ถ้ามิได้บรรยายฟ้องดังกล่าวถือว่าคำฟ้องนั้นขาดสารสำคัญอันเป็นประเด็นแห่งคดีที่จะให้จำเลยต้องรับผิด ศาลจึงต้องยกฟ้องโดยถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันวินาศภัยรถยนต์ส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน ก.ท.น.0006 ของบริษัทเจียไต๋ส่งเสริมเกษตรกรรมจำกัด ไว้ ในระหว่างโจทก์รับผิดชอบตามกรมธรรม์ประกันภัย คนขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนจ.บ.01865 ที่จำเลยที่ 1 นำเข้าร่วมขนส่งสินค้ากับ จำเลยที่ 2 มีรายได้ ร่วมกันในกิจการที่จ้าง และเพื่อประโยชน์แก่จำเลยทั้งสองคนขับรถดังกล่าวได้ขับด้วยความประมาท โดยขับรถด้วยความเร็วสูงไม่ชลอหรือหยุดรถรอเป็นเหตุให้ปะทะกับรถยนต์หมายเลขทะเบียนก.ท.น.0006 ซึ่งกำลังแล่นมาตามถนนสุขุมวิท จากพระโขนงโฉบหน้าตรงไปซอยอโศก ตามทางตรงโดยแรง ทำให้รถยนต์หมายเลขทะเบียนก.ท.น.0006 ได้รับความเสียหายมากมายเกินกว่า 30 รายการ ต้องใช้ค่าซ่อมถึง 25,000 บาท คนขับรถของจำเลยหลบหนีไป โจทก์เป็นผู้รับประกันวินาศภัยรถคันดังกล่าว จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดจ่ายเงินค่าซ่อม 25,000 บาท โจทก์จึงมีสิทธิเข้าสวมสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายนี้จากจำเลยตามกฎหมาย โจทก์ติดต่อให้จำเลยชำระค่าเสียหายแล้วแต่จำเลยไม่ยอมชำระ จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ได้รับประกันวินาศภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.น.0006 และรถคันดังกล่าวมิใช่ของบริษัทเจียไต๋ส่งเสริมเกษตรกรรมจำกัด คนขับรถบรรทุกหมายเลขทะเบียนจ.บ.01865 ไม่ใช่ลูกจ้างขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ไม่เคยนำรถยนต์บรรทุกนั้นเข้าร่วมขนส่งสินค้ากับจำเลยที่ 2 คนขับรถบรรทุกได้ใช้ความระมัดระวัง มิได้ประมาท แต่เป็นความประมาทของคนขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.น.0006 เองที่ขับมาด้วยความเร็ว ชนท้ายรถยนต์บรรทุกจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ ค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท และจำเลยตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ทั้งตามฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าซ่อม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม คนขับรถยนต์บรรทุกเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1ได้ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.น.0006จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425และจำเลยที่ 1 นำรถยนต์บรรทุกเข้าวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 2 เพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ค่าเสียหายโจทก์นำสืบได้เพียง 14,192 บาท จึงให้เท่าที่นำสืบ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 14,192 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะตามคำฟ้องไม่มีข้อความว่าโจทก์ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.น.0006 หรือได้เสียค่าซ่อมไปแล้วดังบัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เมื่อได้วินิจฉัยดังนี้ ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไป พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความทั้งสองศาลแทนจำเลยโดยให้ใช้ค่าทนายความเป็นเงิน 8,000 บาท

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่า รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.น.0006 ซึ่งโจทก์เป็นผู้รับประกันไว้ ได้รับความเสียหายมากมายเกินกว่า 30 รายการ ต้องใช้ค่าซ่อมถึง 25,000 บาทโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดจ่ายเงินค่าซ่อม 25,000 บาท โจทก์จึงมีสิทธิเข้าสวมสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายนี้จากจำเลยตามกฎหมายตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวฟังได้เพียงว่าเมื่อรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันวินาศภัยไว้ได้รับความเสียหาย จะต้องเสียเงินค่าซ่อม25,000 บาทเท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่า โจทก์ผู้รับประกันวินาศภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือนัยหนึ่งค่าซ่อมรถยนต์นั้นไปแล้ว ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ถ้าพิจารณาตามที่โจทก์นำสืบจะเห็นได้ชัดว่าเงิน 25,000 บาทตาม ที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นค่าเสียหายคิดตามราคาที่ประเมินก่อนนำไปซ่อม ส่วนค่าซ่อมจริงเป็นเงิน 14,192 บาท แสดงว่าโจทก์ยังไม่ได้จ่ายเงิน เพราะถ้าจ่ายไปก็คงฟ้องตามจำนวนที่จ่ายไปจริงดังกล่าว ที่โจทก์อ้างว่าฟ้องโจทก์เห็นได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าซ่อมรถยนต์ไปแล้วจึงฟังไม่ขึ้น คดีนี้ จำเลยเถียงว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดเพราะเหตุดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง ฉะนั้น การฟ้องให้จำเลยต้องรับผิดเพราะโจทก์จะเข้ารับช่วงสิทธิของบริษัทเจียไต๋ส่งเสริมเกษตรกรรม จำกัด ที่โจทก์รับประกันวินาศภัยรถยนต์ไว้ได้ โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องให้เห็นว่าโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือจ่ายเงินค่าซ่อมรถยนต์นั้นไปแล้ว เพราะข้อความดังกล่าวเป็นสารสำคัญอันจะพึงกระทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดตามบทกฎหมายข้างต้น เมื่อฟ้องโจทก์ขาดสารสำคัญอันเป็นประเด็นแห่งคดีที่จะให้จำเลยต้องรับผิดแล้วถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด ดังที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาอีก

พิพากษายืน

Share