แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาขายทอดตลาดในฐานที่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับ ส. ภริยาจำเลยซึ่งมีชื่อ ส.ถือกรรมสิทธิ์อยู่โดยกองมรดกของส. ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วมิได้ยื่นคำคัดค้านหรือขอใช้สิทธิอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ส่วนผู้ร้องเพียงแต่ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในเงินที่ขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองเท่านั้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตแล้ว สำหรับเงินส่วนที่เหลือผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาในคดีอื่น ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยคดีนี้ มิได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 ดังนั้น เมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ก็ชอบที่จะต้องจ่ายเงินสุทธิที่หักจากหนี้บุริมสิทธิให้ผู้ร้องแล้วให้แก่โจทก์ไปตามที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับเต็มจำนวน ผู้ร้องจะมายื่นคำแถลงคัดค้านขอให้งดการจ่ายเงินที่เหลือทั้งหมดให้แก่โจทก์โดยอ้างเหตุว่าทรัพย์ที่ขายเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส. มิใช่ของจำเลยเงินส่วนที่เหลือต้องตกเป็นกองมรดกของ ส. ซึ่งผู้ร้องได้ขอยึดไว้ในคดีอื่นแล้วหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้าง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 185,248 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยผิดนัดโจทก์บังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 34 เลขที่ดิน 70 หน้าสำรวจ 216 ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุงพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ซึ่งมีชื่อนางสาคร ธัญญพานิชภริยาจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ขายทอดตลาดได้เงิน 450,000 บาทผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิไปจำนวน 169,647.67 บาทศาลอนุญาตและเมื่อหักค่าธรรมเนียมการขาย ค่าป่วยการเจ้าพนักงานแล้ว คงเหลือเงินสุทธิจากการขายทอดตลาดจำนวน 257,802.33 บาท
โจทก์ยื่นคำแถลงลงวันที่ 28 กันยายน 2531 ขอรับเงินส่วนที่เหลือดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งให้จัดทำบัญชีและคำนวณจ่ายให้
ผู้ร้องยื่นคำแถลงลงวันที่ 29 กันยายน 2531 คัดค้านว่าทรัพย์ที่ขายเป็นกรรมสิทธิ์ของนางสาคร มิใช่ของจำเลย เงินส่วนที่เหลือจะต้องตกเป็นของกองมรดกของนางสาคร ซึ่งผู้ร้องยื่นคำแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเงินจำนวนนี้ไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 757/2529 แล้วจึงขอให้ศาลชั้นต้นระงับการจ่ายเงินแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม
โจทก์ยื่นคำแถลงว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของผู้อื่น เพราะผู้ร้องไม่มีใบมอบอำนาจของผู้จัดการมรดกมาแสดงต่อศาล ทั้งกรณีมิใช่เป็นการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิในเงินส่วนที่คงเหลืออยู่ หากผู้ร้องจะขอรับชำระหนี้ส่วนนอกเหนือบุริมสิทธิก็นับว่าเป็นหนี้สามัญ ชอบที่ผู้ร้องจะได้รับส่วนแบ่งจากเงินจำนวนนี้ภายหลังจากที่โจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว
ในวันนัดพร้อม ศาลชั้นต้นได้ตรวจคำร้องคำแถลงต่าง ๆ เห็นว่าโจทก์และผู้ร้องต่างยอมรับข้อเท็จจริงว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 34ข้างต้นเป็นกรรมสิทธิ์รวมของจำเลยกับนางสาคร ดังนั้น เงินที่ได้จากการขายทอดตลาด เมื่อนำไปชำระหนี้จำนองให้ผู้ร้องแล้วคงเหลือเท่าใดย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของจำเลยกับนางสาครโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จำเลยเฉพาะตัวชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากเงินที่เหลือเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอาจากส่วนของนางสาครซึ่งมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ ด้วยเหตุนี้จึงให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้จ่ายเงินแก่โจทก์ตามคำแถลงลงวันที่28 กันยายน 2531 เสีย โดยเปลี่ยนเป็นอนุญาตให้โจทก์บังคับเอาเฉพาะจากเงินครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เหลือจากการชำระหนี้บุริมสิทธิแก่ผู้ร้องแล้วเท่านั้น
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นจ่ายเงินคงเหลือสุทธิที่หักจากหนี้บุริมสิทธิแล้วแก่โจทก์ไป ตามส่วน (ที่ถูกตามสิทธิ) ที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับเต็มจำนวน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า โจทก์นำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 34 พร้อมสิ่งปลูกสร้างมาขายทอดตลาดก็ในฐานที่เป็นทรัพย์สินของจำเลยโดยกองมรดกของนางสาครผู้ตายมิได้ยื่นคำคัดค้าน หรือขอใช้สิทธิอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ส่วนผู้ร้องก็เพียงแต่ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในเงินที่ขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานเจ้าหนี้บุริมสิทธิเท่านั้น ซึ่งศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว สำหรับเงินส่วนที่เหลือ ผู้ร้องเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 757/2529 ของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยคดีนี้ มิได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ดังนั้น เมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้วก็ชอบที่จะต้องจ่ายเงินสุทธิที่หักจากหนี้บุริมสิทธิแล้วให้แก่โจทก์ไปตามที่โจทก์พึงมีสิทธิได้รับเต็มจำนวน ผู้ร้องจะมายื่นคำแถลงคัดค้านขอให้งดการจ่ายเงินที่เหลือทั้งหมดให้แก่โจทก์โดยอ้างเหตุว่าขอยึดไว้ในคดีอื่นหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้วฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ