คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3081/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้เสียหายและจำเลยตกลงแลกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน แม้ว่าจะยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินก็ตาม แต่ผู้เสียหายและจำเลยต่างก็เข้าครอบครองที่ดินที่แลกเปลี่ยนกันนั้นเป็นสัดส่วนแล้วเป็นเวลาประมาณ 20 ปี ผู้เสียหายย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่แลกเปลี่ยนโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ปี จำเลยได้ขอแลกเปลี่ยนที่ดินคืนตามเดิมแต่ผู้เสียหายไม่ยินยอมแสดงว่าจำเลยยอมรับสิทธิครอบครองของผู้เสียหายเหนือที่ดินซึ่งเคยเป็นของจำเลย การที่จำเลยเอาผลมะพร้าวจากต้นมะพร้าวที่ขึ้นอยู่ในที่ดินซึ่งผู้เสียหายครอบครองไป จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต มีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันลักเอาผลมะพร้าวของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ลงโทษจำคุกและปรับ แต่ให้รอการลงโทษ ยกคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้เสียหายและจำเลยตกลงแลกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่นั้น แม้ว่าจะยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินก็ตาม แต่ผู้เสียหายและจำเลยต่างเข้าครอบครองที่ดินที่แลกเปลี่ยนกันนั้นเป็นส่วนสัดแล้ว เป็นเวลาประมาณ 20 ปีเศษ ผู้เสียหายย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่แลกเปลี่ยนโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 และข้อเท็จจริงปรากฏว่าก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ปี จำเลยได้ขอแลกเปลี่ยนที่ดินคืนตามเดิม แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม แสดงว่าจำเลยยอมรับสิทธิครอบครองของผู้เสียหายเหนือที่ดินซึ่งเคยเป็นของจำเลย ดังนั้นการที่จำเลยไปเอามะพร้าว 2 ผล จากต้นมะพร้าวที่ขึ้นอยู่ในที่ดินซึ่งผู้เสียหายครอบครองจึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองถือว่าเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share