แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาที่จำเลยจ้างโจทก์ซึ่งเป็นทนายความให้ทวงหนี้จากสมาชิกจำเลยนอกศาลโดยคิดค่าจ้างร้อยละ 5 ของยอดหนี้ที่ทวงได้นั้นเป็นเพียงอาศัยเป็นเกณฑ์คำนวณค่าจ้างทวงถามหนี้สินว่าจะเรียกร้องค่าจ้างคิดเป็นร้อยละเท่าใดของหนี้ที่ทวงได้เท่านั้นหาใช่เป็นสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่มูลพิพาทที่ลูกความจะพึงได้รับเมื่อชนะคดีไม่และมิใช่เป็นการจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความดำเนินคดี สัญญาดังกล่าวจึงตกลงกันได้เพราะไม่มีกฎหมายห้าม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงให้โจทก์เป็นทนายความทวงหนี้หรือฟ้องเรียกราคาข้าวสารจากสมาชิกของจำเลย โดยจำเลยจะให้ค่าจ้างแก่โจทก์สำหรับการทวงหนี้แต่ละรายในอัตราร้อยละ 5 ของยอดหนี้ที่ทวงได้ แต่ถ้าฟ้องจะให้ค่าจ้างร้อยละ 15 ของหนี้แต่ละรายที่ฟ้องได้ โจทก์ได้ทวงหนี้ไป 2 ครั้งรวม 300 ราย แต่โจทก์คิดเพียง 200 รายเป็นเงิน 30,000 บาท และจำเลยยังไม่ชำระค่าหุ้นคืนให้โจทก์ 900 บาท รวมจำเลยเป็นหนี้โจทก์ 30,900 บาท จึงขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยตกลงให้โจทก์ทวงหนี้จากสมาชิกของจำเลยจำนวน 300 ราย โจทก์ทวงถามเพียง 5 ราย ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและคดีของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ประเด็นค่าทนายความขาดอายุความส่วนค่าหุ้นยังไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าหุ้น 900 บาทแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสัญญาจ้างดังกล่าวเรียกค่าจ้างว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทขัดต่อกฎหมายและขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน สัญญาจ้างเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าจ้างตามฟ้องพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาที่จำเลยจ้างโจทก์คือสัญญาให้โจทก์เป็นทนายความทวงถามหนี้สินจากสมาชิกของจำเลย โจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาทวงหนี้จากสมาชิกของจำเลยได้ 242 รายปัญหาวินิจฉัยมีว่า สัญญาจ้างดังกล่าวซึ่งโจทก์ฟ้องเรียกเงินเพียง 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยเป็นโมฆะหรือไม่ ได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้สัญญาจ้างจะได้จ้างโจทก์ซึ่งเป็นทนายความให้ทวงหนี้จากสมาชิกของจำเลยโดยคิดค่าจ้างร้อยละ 5 ของยอดหนี้ที่ทวงได้ ก็เป็นสัญญาที่กำหนดค่าจ้างที่แน่นอนการคิดค่าจ้างร้อยละ 5 ของยอดหนี้ที่ทวงได้ เป็นเพียงอาศัยเป็นเกณฑ์คำนวณค่าจ้างทวงถามหนี้สินว่าจะเรียกร้องค่าจ้างคิดเป็นร้อยละเท่าใดของหนี้ที่ทวงได้เท่านั้น หาใช่เป็นสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทที่ลูกความจะพึงได้รับเมื่อชนะคดีไม่ทั้งสัญญาจ้างดังกล่าวก็จ้างโจทก์ให้ทวงถามหนี้จากลูกหนี้ของจำเลย ซึ่งเป็นการกระทำนอกศาล มิใช่เป็นการจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความดำเนินคดีแต่อย่างใดไม่ ซึ่งอาจตกลงกันได้เพราะไม่มีกฎหมายห้าม สัญญาจ้างดังกล่าวจึงไม่เป็นโมฆะ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาไม่ให้ค่าจ้างแก่โจทก์ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าจ้างทวงหนี้ 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์