แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ ที่บัญญัติให้ผู้ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถามีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขออนาถาของตนใหม่ได้ก็เฉพาะเพื่ออนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมในประเด็นที่ว่าผู้ขอเป็นคนยากจนเท่านั้น หาได้ให้สิทธิแก่ผู้ขอที่จะขอให้ศาลพิจารณาใหม่ในประเด็นว่าคดีของผู้ขอมีเหตุอันสมควรจะอุทธรณ์ด้วยไม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองด้วยเหตุผลที่ว่าคดีของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายใน 7 วัน ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคท้าย ประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ย่อมยุติ จำเลยทั้งสองขอให้ศาลพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ในประเด็นดังกล่าวอีกไม่ได้ การที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ก็ได้แต่เฉพาะประเด็นเรื่องจำเลยทั้งสองเป็นคนยากจนเท่านั้น ส่วนการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นอุทธรณ์นั้นนอกจากผู้ขอจะเป็นคนยากจนแล้ว คดีของผู้ขอต้องมีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง ดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมก็ตาม คดีก็ต้องฟังตามข้อยุติว่าคดีของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์
การที่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟัง ทั้งกำหนดเวลาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสองนำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระได้ล่วงพ้นไปแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาชอบที่จะกำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วได้
การดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นไต่สวนอนาถาไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 149 วรรคท้าย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยทั้งสอง และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชี 4,281,999.77 บาท พร้อมดอกเบี้ย และร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญากู้เงิน 2,138,122.54 บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญาบัตรเครดิตจำนวน 48,969.81 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองเลื่อนคดี และงดสืบพยานจำเลยทั้งสอง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายตามคำพิพากษามาวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนด
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุสมควรอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไป ให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่ง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนพร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงิน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองด้วยเหตุว่าคดีของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายใน 7 วัน ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ประเด็นที่ศาลชี้ขาดว่าคดีของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุสมควรจะอุทธรณ์ย่อมยุติ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนอีกหาได้ไม่ เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ อนุญาตให้ผู้ขอนำพยานมาแสดงเพิ่มเติมในประเด็นที่ผู้ขอเป็นคนยากจนเท่านั้น เมื่อปัญหาว่าคดีของจำเลยทั้งสองมีเหตุสมควรอุทธรณ์หรือไม่ยุติไปแล้ว คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องพิจารณาว่าผู้ขอเป็นคนยากจนหรือไม่อีก จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่า คำสั่งศาลดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอศาลอุทธรณ์ได้โปรดกลับคำสั่งศาลชั้นต้นโดยมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมตามคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ด้วย
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ ที่บัญญัติให้ผู้ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถามีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขออนาถาของตนใหม่ได้ก็เฉพาะเพื่ออนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมในประเด็นที่ว่าผู้ขอเป็นคนยากจนเท่านั้น หาได้ให้สิทธิแก่ผู้ขอที่จะขอให้ศาลพิจารณาใหม่ในประเด็นว่าคดีของผู้ขอมีเหตุอันสมควรจะอุทธรณ์ด้วยไม่ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองด้วยเหตุที่ว่าคดีของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายใน 7 วัน ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ย่อมยุติ จำเลยทั้งสองขอให้ศาลพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ในประเด็นดังกล่าวอีกไม่ได้ การที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ก็ได้แต่เฉพาะประเด็นเรื่องจำเลยทั้งสองเป็นคนยากจนเท่านั้น ส่วนการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นอุทธรณ์นั้น นอกจากผู้ขอจะเป็นคนยากจนแล้ว คดีของผู้ขอต้องมีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 155 วรรคหนึ่ง ดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมก็ตาม คดีก็ต้องฟังตามข้อยุติว่าคดีของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น แต่การที่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟัง ทั้งกำหนดเวลาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสองนำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระได้ล่วงพ้นไปแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาชอบที่จะกำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมมาชำระภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วได้
อนึ่ง การดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นไต่สวนอนาถาไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย”
พิพากษายืน ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแก่จำเลยทั้งสอง หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไป ให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้