แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โรงงานแปรรูปไม้ของจำเลยเป็นโรงงานที่ใช้เครื่องจักรกลในการผลิตอุปกรณ์สำหรับประกอบเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ไม้แปรรูปที่จับได้จากโรงงานเป็นไม้ที่ชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีเช่นนี้ความผิดของจำเลยอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาต เครื่องจักรกลและสิ่งต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นโรงงานแปรรูปไม้ จึงมิใช่สิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ จะริบเครื่องจักรกลไม่ได้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้เพื่อผลิตอุปกรณ์สำหรับประกอบเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นความผิดฐานตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นกรรมเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันตั้งโรงงานทำตู้ที่ใช้กับเครื่องรับโทรทัศน์ อันเป็นการผลิตอุปกรณ์สำหรับประกอบเครื่องรับโทรทัศน์ ลำโพงเครื่องรับวิทยุ โดยใช้ เครื่องจักรคือเครื่องไสไม้ เครื่องขัด เครื่องตัด เครื่องเซาะเครื่องเจาะ รวมมีกำลัง 29.5 แรงม้า ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ทางการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้ประกอบกิจการโรงงานประดิษฐกรรมดังกล่าว โดยไม่ได้ยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน และจำเลยกับพวกได้ร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรกลดังกล่าวข้างต้น เพื่อการเลื่อย ผ่า ถาก ขุด และกระทำด้วยประการอื่นใดแก่ไม้ให้เปลี่ยนรูปขนาดไปจากเดิม เพื่อการค้าโดยไม่รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงเกษตรเรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 ฯลฯ พระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2518 ฯลฯพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 ฯลฯ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17, 18 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 7 ฯลฯริบเครื่องจักรกลของกลางคือไม้ของกลางทั้งหมดแก่เจ้าของ และให้จำเลยหยุดประกอบกิจการจนกว่าจะได้รับอนุญาต
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรงงานพ.ศ. 2512 ฯลฯ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74 ทวิพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17, 18 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2522 มาตรา 7 ฯลฯ ลงโทษฐานตั้งโรงงานไม่รับอนุญาต ฐานประกอบกิจการโรงงานไม่รับอนุญาตและแปรรูปไม้ไม่รับอนุญาต รวมเป็นกรรมเดียวกัน ลงโทษฐานประกอบกิจการโรงงานไม่รับอนุญาตซึ่งเป็นบทหนัก ของกลางคืนเจ้าของ จำเลยได้รับอนุญาตขณะมีคำพิพากษาแล้ว คำขอให้หยุดประกอบกิจการโรงงาน จึงให้ยก โทษจำคุกให้รอการลงโทษ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่งให้ลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นบทหนัก กับมีความผิดฐานประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่งริบเครื่องจักรกลของกลางทั้งหมด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องและจำเลยรับสารภาพว่า จำเลยตั้งโรงงานโดยไม่รับอนุญาต ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ไม่รับอนุญาต และประกอบกิจการโรงงาน โดยไม่รับอนุญาต โดยอ้างว่าเป็นความผิด 3 กระทง โจทก์มิได้ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยแปรรูปไม้แต่อย่างใด ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานแปรรูปไม้ไม่รับอนุญาต จึงเป็นการไม่ชอบ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานตั้งโรงงานโดยไม่รับอนุญาต และตั้งโรงงานแปรรูปไม้ไม่รับอนุญาต ซึ่งการกระทำทั้งสองนี้เป็นกรรมเดียวกันให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 73 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 7 ซึ่งเป็นบทหนักเพราะมีระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหนักกว่าระวางโทษตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 43 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2518 มาตรา 11 ที่มีระวางโทษปรับสถานเดียวไม่เกินหนึ่งแสนบาท ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ส่วนปัญหาที่ว่า ไม้ของจำเลยเป็นไม้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย บรรดาเครื่องมือ เครื่องใช้ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ที่ใช้ทำการแปรรูปไม้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลจะริบตามมาตรา 74 ทวิไม่ได้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรกลเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่โรงงานของจำเลยเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์สำหรับประกอบเครื่องรับโทรทัศน์ ไม้แปรรูปของกลางที่จับได้จากโรงงานของจำเลยโจทก์กล่าวในฟ้องว่าไม่ใช่ของผิดกฎหมายและขอให้คืนแก่จำเลย จึงเป็นไม่ที่ชอบด้วยกฎหมาย เครื่องจักรกลและสิ่งต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นโรงงานแปรรูปไม้ของจำเลย จึงมิใช่สิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 48 หรืออีกนัยหนึ่งในกรณีเช่นนี้ความผิดของจำเลยอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาต จึงริบเครื่องจักรกลของกลางไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบเครื่องจักรกลของกลาง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์