คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์จำเลยที่ 2 ผู้เดียวฎีกา ดังนี้ ข้อหาความผิดฐานรับของโจรจึงยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 1ที่มิได้ฎีกาได้ เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ 2 ฎีกา จำเลยที่ 1และโจทก์มิได้ฎีกา กรณีจึงต้องถือว่าข้อหาความผิดฐานรับของโจรยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ ในชั้นนี้คงมีปัญหาเพียงว่าจำเลยที่ 2กระทำผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องหรือไม่ ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2527 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา นายศักดิ์เดชดวงแก้ว ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นนักเรียนผู้ใหญ่ภาคต่ำได้ขับขี่รถยนต์ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านปงสนุก เมื่อจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่โรงรถบริเวณโรงเรียนแล้ว ได้ขึ้นไปเรียนหนังสือจนถึงเวลา21.30 นาฬิกา ผู้เสียหายลงไปดูปรากฎว่า รถจักรยานยนต์หายไปต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน 2527 ผู้เสียหายสืบทราบว่ารถจักรยานยนต์ที่หายไปนั้นอยู่ที่บ้านนายชัยพร จึงไปดูจำได้ว่าเป็นรถของตนได้ไปแจ้งต่อร้อยตำรวจตรีประจวบโชค แก้วมณี และพาไปที่บ้านนายชัยพร พบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายจอดอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน เมื่อสอบถามนายชัยพรก็บอกว่ารับฝากไว้จากจำเลยที่ 1 จึงให้นายชัยพรพาไปบ้านจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 บอกว่าคืนเกิดเหตุได้ไปเที่ยวที่โรงเรียนบ้านปงสนุกกับจำเลยที่ 2 จนถึงเวลา 21 นาฬิกา เห็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ไม่ทราบว่าเป็นของใคร จึงนำไปไว้ที่บ้าน ร้อยตำรวจตรีประจวบโชคจึงให้จำเลยที่ 1 พาไปบ้านจำเลยที่ 2 พบจำเลยที่ 2 เมื่อสอบถามก็ได้ความอย่างเดียวกันร้อยตำรวจตรีประจวบโชคจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสองและนายชัยพรว่าร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของดโว่าร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองลำปาง
จำเลยทั้งสองนำสืบเป็นทำนองเดียวกันว่า คืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 22 นาฬิกาได้พากันไปจับกบที่ทุ่งนาป่าช้าร่องสามดวงจนถึงเวลา 22 นาฬิกาเศษ ได้ไปชวนนายชัยพรแต่นายชัยพรไม่ไปจำเลยทั้งสองจึงไปจับกบต่อที่ทุ่งบ้านหนอง ตอนขากลับพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่ที่ป่าละเมาะหลังโรงเรียนบ้านปงสนุก จึงนำไปฝากไว้ที่บ้านนายชัยพร บอกว่าถ้าเป็นรถของใครก็ให้คืนเจ้าของไป
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าขณะเกิดเหตุลักทรัพย์ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเลย ที่จำเลยที่ 2 เข้ามาเกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์ของกลางโดยเป็นผู้นำมาฝากไว้กับนายชัยพรนั้นก็เป็นเวลาหลังจากเกิดเหตุลักทรัพย์แล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดพยานหลักฐานที่จะรับฟังว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานลักทรัพย์ ซึ่งย่อมมีผลไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น”.

Share