แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยรับฝากเงินจากโจทก์ จำเลยผู้รับฝากจะเอาเงินซึ่งฝากนั้นออกใช้ก็ได้ ฉะนั้น แม้การรับฝากเงินจะไม่มีบำเหน็จค่าฝากและจำเลยจะได้ใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของจำเลยเองก็ตาม เมื่อปรากฏว่าเงินซึ่งฝากนั้นสูญหายเพราะถูกคนร้ายลักไป แม้จะเป็นเหตุสุดวิสัยซึ่งไม่อาจป้องกันได้ จำเลยก็ต้องรับผิดคืนเงินจำนวนที่รับฝากไว้แก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 672.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำเงินจำนวน 9,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาคิดเป็นเงินไทย 243,000 บาท ไปฝากไว้แก่จำเลย โดยตกลงกันว่าจำเลยสามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวออกใช้ แต่เมื่อโจทก์เรียกคืนเมื่อใดจำเลยจะต้องคืนให้ทันที หลังจากนั้น โจทก์ไปขอรับเงินคืนจากจำเลยหลายครั้งเป็นเงิน 4,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่อมาโจทก์ไปขอรับเงินส่วนที่เหลือ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา คิดเป็นเงินไทย135,000 บาท คืนจากจำเลย แต่จำเลยไม่คืนให้ ทำให้โจทก์เสียหายขอให้พิพากษาและบังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 136,180 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอ้ตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน135,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยนำเงิน 9,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาฝากไว้แก่จำเลย แต่โจทก์เคยฝากซองปิดผนึก 1 ซอง ไว้โดยบอกว่าเป็นซองบรรจุเอกสาร จำเลยเก็บซองดังกล่าวไว้ในตู้นิรภัยรวมกับทรัพย์สินของจำเลย โดยใช้ความระมัดระวังดังเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเอง แต่ตู้นิรภัยดังกล่าวถูกคนร้ายงัดและลักเอาซองของโจทก์ไปพร้อมกับทรัพย์สินของจำเลยจำนวนมาก เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะป้องกันได้ จำเลยรับฝากไว้โดยไม่มีบำเหน็จ จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินคืนแก่โจทก์จำนวน 136,180 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาที่ว่า จำเลยได้รับฝากเงินไว้จากโจทก์ตามฟ้องหรือไม่… เห็นว่า พยานโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้รับฝากเงินจากโจทก์ไว้ตามฟ้อง
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยจะต้องรับผิดคืนเงินที่รับฝากไว้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความมาแล้วว่า จำเลยได้รับฝากเงินจากโจทก์ ซึ่งจำเลยผู้รับฝากจะเงินเงินซึ่งฝากนั้นออกใช้ก็ได้ ดังนั้น แม้ว่าการรับฝากเงินรายนี้จะไม่มีบำเหน็จค่าฝากและจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของจำเลยเองดังที่จำเลยฎีกาก็ตามเมื่อปรากฏว่าเงินซึ่งฝากนั้นสูญหายเพราะถูกคนร้ายลักไปแม้จะเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งจำเลยไม่อาจป้องกันได้ จำเลยก็ต้องรับผิดคืนเงินจำนวนที่จำเลยรับฝากไว้นั้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 672 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.