แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานฉ้อโกงผู้กระทำความผิดต้องกระทำโดยการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามการที่จำเลยชวนโจทก์ร่วมซื้อคอนโดมิเนียมตึกแถวและที่ดินโดยยืนยันว่าอีก4เดือนจะมีผู้ซื้อต่อการที่จำเลยให้ผู้เสียหายทำพิธีเสริมดวงและเรียกค่าครูโดยยืนยันว่าจะทำให้ดวงดีขายตึกแถวที่ดินได้หรือบุตรจะมีบุญบารมีสูงกว่าบิดามารดาผู้เสียหายกับสามีจะไม่ต้องหย่ากันล้วนเป็นคำยืนยันเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอนทั้งสิ้นคำยืนยันดังกล่าวไม่ใช่คำหลอกลวงแต่เป็นคำคาดการณ์ที่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายเข้าทำพิธีตามคำแนะนำและเสียค่าใช้จ่ายจึงมิได้เป็นผลจากการหลอกลวงการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างปลายปี 2532 ถึงประมาณกลางเดือนมิถุนายน2535 เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกัน จำเลยโดยทุจริตหลอกลวงประชาชนทั่วไปรวมทั้งผู้เสียหายว่าจำเลยเป็นคนทรงเจ้า สามารถทำพิธีเสริมดวงชะตาและทำการขจัดสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ให้กลายเป็นดีได้จำเลยชักชวนแนะนำให้ผู้เสียหายซื้อบ้าน ที่ดิน และคอนโดมิเนียมจากผู้เสียหาย ต่อมาจำเลยกล่าวหลอกลวงผู้เสียหายทั้งห้าอีกว่าผู้เสียหายทั้งห้าดวงไม่ดีต้องซื้อผ้ายันต์ เครื่องรางของขลังจากจำเลยไปบูชาดวงจะดีขึ้นและทำให้ผู้เสียหายทั้งห้าทำมาค้าขายได้ดีและร่ำรวยผู้เสียหายทั้งห้าเชื่อตามคำหลอกลวงของจำเลยจึงให้เงินและทรัพย์สินรวม 60 รายการ แก่จำเลย เพื่อแลกเปลี่ยนกับผ้ายันต์ เครื่องรางของขลังต่าง ๆ ซึ่งความจริงแล้วจำเลยไม่สามารถทำพิธีเสริมดวงชะตาหรือขจัดสิ่งชั่วร้ายหรือกระทำการใด ๆ ตามที่กล่าวต่อผู้เสียหายทั้งห้าได้ เหตุเกิดที่แขวงบางโพงพางเขตยานนาวา และแขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานครเกี่ยวเนื่องกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 1,523,588 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งห้ากับริบของกลางจำนวน 23 รายการ ที่ยึดได้จากบ้านจำเลยส่วนของกลางที่เหลือคืนเจ้าของ
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายจตุพร ตรีประทีปกุล ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 วรรคแรก จำคุก 2 ปี ริบของกลางที่ยึดได้จากบ้านจำเลยรวม 23 รายการ ส่วนของกลางที่เหลือให้คืนเจ้าของ กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 742,472 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาตามฎีกาจำเลยมีว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ปัญหานี้โจทก์ร่วมเบิกความว่าจำเลยหลอกลวงว่าวิญญาณบิดาโจทก์ร่วมและผู้เสียหายยังมีความทุกข์เวทนา ต้องผูกดวงปลาและพาโจทก์ร่วมไปซื้อปลาเลี้ยง 1 ฝูงตู้ปลาพร้อมอาหารปลา เครื่องทำออกซิเจน จำเลยเขียนยันต์เผาเอาขี้เถ้าละลายน้ำในตู้ปลาสวดมนต์ให้ดวงวิญญาณบิดาโจทก์ร่วมและผู้เสียหายยันต์ที่เผาต้องเปลี่ยนทุก 7 วัน โดยคิดราคาค่ายันต์ตามสี โจทก์ร่วมจ่ายค่ายันต์ให้จำเลยตลอดทั้งปี จำเลยแนะนำโจทก์ร่วมให้ซื้อคอนโดมิเนียม ตึกแถว และที่ดินที่บางแสนโดยแจ้งว่าอีก 4 เดือน จะมีผู้มาซื้อต่อ แต่ครบกำหนดแล้วไม่มีผู้มาซื้อต่อจำเลยแจ้งว่าดวงเมืองผันแปรต้องรออีก 2 เดือน จะขายได้จำเลยแจ้งให้โจทก์ร่วมทำการเสริมดวง เสริมบารมี โดยต้องซื้อผ้ายันต์และกระดาษสีไว้บูชา และซื้อทองคำแท่งไปทำพิธีเสริมดวงต่อมาโจทก์ร่วมทราบว่าลูกศิษย์จำเลยไปแจ้งความว่าจำเลยฉ้อโกงโจทก์ร่วมและผู้เสียหายปรึกษาแล้วเห็นว่าโจทก์ร่วมและผู้เสียหายถูกฉ้อโกงจึงนำแผ่นยันต์ กระดาษสีไปคืนจำเลย และขอเงินค่าผ้ายันต์และกระดาษสีคืน จำเลยตกลงรับคืนแต่ผัดผ่อนเรื่อยมา โจทก์ร่วมและผู้เสียหายจึงพากันไปแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยที่กองปราบปรามกล่าวหาว่าจำเลยฉ้อโกง นายสมบุญ ตรีประทีปกุล ผู้เสียหายน้องโจทก์ร่วมเบิกความว่า จำเลยแจ้งว่าได้รับปากวิญญาณบิดาพยานว่าจำเลยจะดูแลพยานและพี่น้อง และจะสร้างทรัพย์สินให้พยาน จำเลยพาโจทก์ร่วมกับพยานไปซื้อคอนโดมิเนียม ตึกแถว และที่ดิน โดยแจ้งว่าจะขายต่อได้ใน 4 เดือน แต่ขายไม่ได้ จำเลยแนะนำให้พยานทำพิธีเสริมดวง อาบน้ำมนต์ และเสียค่าใช้จ่ายให้จำเลยนางสาวศรีเพชรตรีประทีปกุล ผู้เสียหายพี่สาวโจทก์ร่วมเบิกความว่า พยานกับพี่น้องไปพบจำเลย จำเลยทำน้ำมนต์ให้อาบและเรียกค่าครู จำเลยบอกให้พยานอาบน้ำมนต์ 3 ถึง 7 ครั้ง จำเลยเรียกค่าครูทุกครั้งจำเลยยังเขียนยันต์ลงบนแผ่นผ้าให้พยานและน้อง ๆ ไปบูชา เพื่อจะขายตึกแถวและที่ดินได้ นอกจากนั้นยังทำไม้แกะสลักรูปแมวรูปกุมาร ปลุกเสกขายให้พยานและน้อง ๆ ทั้งยังทำรูปเซียนหญิงต้าเซียนจำหน่ายด้วย แต่โจทก์ร่วมก็ขายตึกแถวและที่ดินไม่ได้ จึงปรึกษากันว่าถูกจำเลยฉ้อโกงแล้วพากันไปแจ้งความ นางวาสนา ตรีประทีปกุลผู้เสียหายน้องโจทก์ร่วมเบิกความว่า พยานตั้งครรภ์ จำเลยแจ้งว่าพยานมีบุตรไม่ได้ หากมีบุตรจะต้องเสียชีวิตและพิการ จำเลยได้เขียนผ้ายันต์ให้นำไปเผาผสมน้ำดื่มทุก 10 วัน จนกว่าบุตรจะคลอดโดยจำเลยคิดค่าครูครั้งละ 500 บาท และหลังจากคลอดบุตรแล้วจำเลยบอกพยานว่าบุตรพยานมีวาสนาสูงกว่าบิดามารดาจะต้องทำตามที่จำเลยแนะนำ หากไม่ทำอาจจะต้องหย่าร้างกับสามีแล้วจำเลยได้เขียนผ้ายันต์ให้พยานไปบูชาผ้ายันต์ที่เขียนให้ บูชาลูกแก้วและไผ่ตันจำเลยคิดราคาสูงมากรวมเป็นเงินที่พยานจ่ายให้จำเลยไปทั้งสิ้น100,000 บาทเศษ นางสาวปรียาทิพย์ ตรีประทีปกุล ผู้เสียหายน้องโจทก์ร่วมเบิกความว่า จำเลยบอกว่าพยานดวงไม่ดีแล้วเขียนยันต์ในแผ่นกระดาษบ้าง แผ่นผ้าบ้าง ให้พยานนำไปบูชาโดยคิดค่าครูจากพยานจำเลยมีเครื่องรางของขลัง เช่นลูกแก้ว ไผ่ตันให้บูชาพยานรับมาบูชาแล้วดวงไม่ดีขึ้น พยานได้จ่ายเงินให้แก่จำเลยเป็นค่าผ้ายันต์และเครื่องรางของขลังเป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 150,000 บาทนายสมชาติ ตรีประทีปกุล ผู้เสียหาย น้องชายโจทก์ร่วมเบิกความว่าพี่น้องพยานได้จ่ายเงินให้จำเลยเพราะถูกจำเลยหลอกลวงกว่า2,000,000 บาท แต่ดวงของพี่น้องไม่ดีขึ้น เห็นว่า ความผิดฐานฉ้อโกงผู้กระทำความผิดต้องกระทำโดยการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม การที่จำเลยชวนโจทก์ร่วมซื้อคอนโดมิเนียม ตึกแถวและที่ดินโดยยืนยันว่าอีก 4 เดือน จะมีผู้ซื้อต่อ การที่จำเลยให้ผู้เสียหายทำพิธีเสริมดวงและเรียกค่าครู โดยยืนยันว่าจะทำให้ดวงดีขายตึกแถวที่ดินได้ หรือว่าบุตรจะมีบุญบารมีสูงกว่าบิดามารดาผู้เสียหายกับสามีจะไม่ต้องหย่ากัน ฯลฯ ล้วนเป็นคำยืนยันเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอนทั้งสิ้น คำยืนยันดังกล่าวไม่ใช่คำหลอกลวงแต่เป็นคำคาดการณ์ ที่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายเข้าทำพิธีตามคำแนะนำและเสียค่าใช้จ่าย จึงมิได้เป็นผลจากการหลอกลวงตามคำฟ้องการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์ ร่วม