แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทราบดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งครอบครองอยู่ก่อนโดยมี น.ส.3 เป็นหลักฐาน เมื่อโจทก์ร่วมนำที่พิพาทไปจำนอง จำเลยก็รู้เห็นในการจำนองด้วย การที่จำเลยเข้าไปบุกรุกแผ้วถางที่พิพาทจึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยเข้าใจผิดหรือขาดเจตนาแต่อย่างใด จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เมื่อจำเลยผิดตามมาตรา 359แล้วก็ไม่จำต้องยกมาตรา 358 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก (อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2516)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในสวนยางพาราของนายชิตกับนางยุพินโดยเจตนาเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นแต่บางส่วนและจำเลยใช้มีดพร้าแผ้วถางตัดฟันต้นยางพาราของผู้เสียหายทั้งสอง อันเป็นการทำให้เสียหายซึ่งทรัพย์อันเป็นพืชผลของผู้มีอาชีพกสิกรรม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 359, 362, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายชิตกับนางยุพินผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358, 359 กระทงหนึ่ง และมีความผิดตามมาตรา 362 อีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษจำคุกทั้งสองกระทง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามรูปคดีจำเลยทราบดีว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วมทั้งสอง โจทก์ร่วมครอบครองอยู่ก่อน โดยมี น.ส.3 ซึ่งออกตั้งแต่ปี 2522 เป็นหลักฐานเมื่อนายชิตโจทก์ร่วมได้นำที่พิพาทไปจำนองในปี 2522 จำเลยก็รู้เห็นในการจำนองด้วย การที่จำเลยเพิ่งเข้าไปบุกรุกแผ้วถางที่พิพาทเมื่อปี 2524จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยเข้าใจผิดหรือขาดเจตนาแต่อย่างใด คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างมานั้นเป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ชัดว่าที่พิพาทเป็นของผู้เสียหายรูปเรื่องจึงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นเป็นการชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ในความผิดทำให้เสียทรัพย์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 359 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยผิดตามมาตรา 359 แล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 358 ขึ้น ปรับบทลงโทษอีก ทั้งนี้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 3115/2516
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359นอกจากที่แก้นี้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์