คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทราบดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งครอบครองอยู่ก่อนโดยมี น.ส.3 เป็นหลักฐานเมื่อโจทก์ร่วมนำที่พิพาทไปจำนอง จำเลยก็รู้เห็นในการจำนองด้วย การที่จำเลยเข้าไปบุกรุกแผ้วถางที่พิพาท จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยเข้าใจผิดหรือขาดเจตนาแต่อย่างใด จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เมื่อจำเลยผิดตามมาตรา 359 แล้วก็ไม่จำต้องยก มาตรา 358 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก
(อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2516)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในสวนยางพาราของนายชิตกับนางยุพินโดยเจตนาเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นแต่บางส่วน และจำเลยใช้มีดพร้าแผ้วถางตัดฟันต้นยางพาราของผู้เสียหายทั้งสอง อันเป็นการทำให้เสียหายซึ่งทรัพย์อันเป็นพืชผลของผู้มีอาชีพกสิกรรม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘, ๓๕๙, ๓๖๒, ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายชิตกับนางยุพินผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๘, ๓๕๙ กระทงหนึ่ง และมีความผิดตามมาตรา ๓๖๒ อีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษจำคุกทั้งสองกระทง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามรูปคดีจำเลยทราบดีว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วมทั้งสอง โจทก์ร่วมครอบครองอยู่ก่อน โดยมี น.ส.๓ ซึ่งออกตั้งแต่ปี ๒๕๒๒ เป็นหลักฐานเมื่อนายชิตโจทก์ร่วมได้นำที่พิพาทไปจำนองในปี ๒๕๒๒ จำเลยก็รู้เห็นในการจำนองด้วย การที่จำเลยเพิ่งเข้าไปบุกรุกแผ้วถางที่พิพาทเมื่อปี ๒๕๒๔จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยเข้าใจผิดหรือขาดเจตนาแต่อย่างใด คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างมานั้นเป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ชัดว่าที่พิพาทเป็นของผู้เสียหาย รูปเรื่องจึงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นเป็นการชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ในความผิดทำให้เสียทรัพย์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘, ๓๕๙ นั้นศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยผิดตามมาตรา ๓๕๙ แล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา ๓๕๘ ขึ้นปรับบทลงโทษอีก ทั้งนี้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๑๑๕/๒๕๑๖
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๙ นอกจากที่แก้นี้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share