คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้ลงโทษฐานผลิตกัญชา แต่พยานโจทก์ไม่มีผู้ใดรู้เห็นการปลูกกัญชาของจำเลย และไร่ข้าวที่ปลูกกัญชาจะเป็นของจำเลยหรือไม่ โจทก์ไม่มีพยานยืนยัน ส่วนบ้านจำเลยที่ค้นพบกัญชาก็ปรากฏว่าปลูกอยู่บนที่ดินของ ส. ดังนี้พยานโจทก์จึงไร้น้ำหนักรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยผลิตกัญชา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2532 เวลากลางวัน จำเลยมีกัญชาแห้ง น้ำหนักสุทธิ 3 กิโลกรัม กัญชาสดน้ำหนักสุทธิ 3กิโลกรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี จำเลยผลิตกัญชาโดยการเพาะปลูกต้นกัญชาจำนวน 100 ต้น น้ำหนัก 78 กิโลกรัมและมีกัญชาจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี เหตุเกิดที่ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าพนักงานยึดกัญชาแห้งจำนวน 3 กิโลกรัม และกัญชาสดจำนวน 81 กิโลกรัม เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7, 8, 26, 75, 76, 102 และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26, 76 วรรคหนึ่ง จำคุก 1 ปี ของกลางริบข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานผลิตกัญชาด้วย
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานผลิตกัญชาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26, 75วรรคหนึ่งอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 5 ปี รวมเป็นโทษจำคุกจำเลย 6 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว สำหรับข้อหาว่าจำเลยมีกัญชาแห้งจำนวน 3 กิโลกรัม และกัญชาสด จำนวน 81 กิโลกรัม ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอันยุติ คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าจำเลยผลิตกัญชาโดยการเพาะปลูกต้นกัญชาจำนวน 100 ต้น น้ำหนัก 78 กิโลกรัม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามกฎหมายหรือไม่ ปัญหานี้ โจทก์มีร้อยตำรวจโทบรรจบดำคำหรือกาฬวัจนะ ผู้ตรวจค้นและยึดกัญชาของกลางเบิกความว่าขณะตรวจค้นบ้านจำเลยไม่มีใครอยู่จึงเรียกนายจารึก พัฒน์ศรีทองให้เป็นพยานในการตรวจค้น การค้นพบกัญชาแห้ง 2 กล่อง วางอยู่บนร้านข้างบ้าน ใกล้ ๆ บริเวณร้าน มีกัญชาสดอยู่ในกระสอบปุ๋ย 2 กระสอบได้ตรวจไร่ข้าวมีกัญชาปลูกอยู่ 100 ต้น จึงยึดเป็นของกลางนายดาบตำรวจเฉลิม นาคศรี ผู้ร่วมตรวจค้นบ้านจำเลยเบิกความว่ากัญชาสด 100 ต้น อยู่ในไร่ข้าวจำเลย ไร่ข้าวจำเลยอยู่ห่างบ้านจำเลยที่ตรวจค้น 2 กิโลเมตร นายจารึก พัฒน์ศรีทอง เบิกความว่าบ้านที่เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นเป็นของจำเลยปลูกอยู่บนที่ดินนายไสว ไร่จำเลยอยู่ห่างบ้านจำเลยประมาณ 5 กิโลเมตร เจ้าพนักงานตำรวจเป็นผู้ขอร้องให้เป็นพยานในการตรวจค้นบ้านจำเลย กัญชาสดเจ้าพนักงานตำรวจได้มาอย่างไรพยานไม่ทราบ พยานไม่เคยไปไร่จำเลย เห็นว่าพยานโจทก์ดังกล่าวทั้งสามปากไม่รู้เห็นการเพาะปลูกกัญชาของจำเลยตามคำฟ้องแต่อย่างใด ไร่ข้าวที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดกัญชาสด 100 ต้น จะเป็นไร่ข้าวของจำเลยจริงหรือไม่ โจทก์ไม่มีพยานยืนยัน ทั้งนายจารึกพยานโจทก์ที่ร้อยตำรวจโทบรรจบเบิกความว่าเป็นผู้แจ้งกับตนขณะตรวจค้นยึดกัญชาของกลางว่า ของกลางที่ยึดเป็นของจำเลย กลับเบิกความยืนยันว่าไม่เคยไปไร่ข้าวจำเลย กัญชาสดของกลางเจ้าพนักงานได้มาอย่างไรพยานไม่ทราบ พยานโจทก์ทั้งสามปากเบิกความถึงข้อเท็จจริงเดียวกันแตกต่างและขัดกันเอง มีพิรุธไร้น้ำหนัก รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยผลิตกัญชาตามฟ้องศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องฐานผลิตกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share