คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการยกให้ที่ดิน จำเลยให้การต่อสู้ว่า “โจทก์ทราบการที่นางถมยายกที่ดินที่โจทก์ฟ้องนี้ให้เป็นกรรมสิทธิแก่ข้าพเจ้าถึง 5-6 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้เพิกถอนหรือล้างนิติกรรมนี้ได้ตาม ก.ม. ฯลฯ” ดังนี้ พอจะเห็นได้ว่า จำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางถมยาเป็นภริยาโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย นางถมยาได้เอาที่ดินสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับนางถมยา รวม ๗ แปลงไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิให้แก่นางอุดมจำเลย นางถมยาตาย โจทก์จึงทราบว่า โฉนดหาย และนางถมยาได้โอนให้จำเลยไปแล้ว การที่นางถมยาทำนิติกรรมโอนให้จำเลยโดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ผู้เป็นสามี เป็นโมฆียะกรรม ขอให้ศาลสั่งเพิกถอน นายรุณยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมกับนางอุดม และต่อสู้คดีต้องกันว่า นางอุดมจำเลยเป็นบุตรของนางถมยาเกิดด้วยนายรุณ โจทก์เป็นชายชู้ ทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องเป็นสินบริคณห์ระหว่างนายรุณกับนางถมยา และตัดฟ้องว่า โจทก์ทราบยกให้นี้มา ๕-๖ ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เพิกถอน หรือบอกล้างนิตกรรมได้ตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ขนะคดี ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ทราบการยกให้เป็นเวลากว่าปี โจทก์บอกล้างมิได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาโจทก์คัดค้านว่า จำเลยมิได้ยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลไม่ครยกเรื่องอายุความขึ้นวินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำให้การของจำเลยข้อ ค. มีความว่า “โจทก์ทราบที่นางถมยายกที่ดินที่โจท์ฟ้องนี้ให้เป็นกรรมสิทธิแก่ข้าพเจ้าถึง ๕-๖ ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้อง ขอให้เพิกถอนหรือล้างนิติกรรมนี้ได้ตาม ก.ม. ฯลฯ” ดังนี้ พอจะถือว่า จำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้ทราบการยกให้แก่จำเลยเป็นเวลากว่าปี
พิพากษายืน.

Share