แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อนายจ้างได้ออกคำสั่งอันถือว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างและได้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างแล้ว นายจ้างจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือออกคำสั่งใหม่อันจะมีผลให้ลูกจ้างต้องเสียประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างหาได้ไม่ และเมื่อนายจ้างออกคำสั่งทำให้ลูกจ้างเสียสิทธิที่จะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายนอกเหนือจากที่จะได้รับบำเหน็จตามคำสั่งเดิมโดยมิได้ยื่นข้อเรียกร้องและไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างและข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่โจทก์ จึงเป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มาตรา 20
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2506 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2534 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยเหตุเกษียณอายุตามคำสั่งที่ 1051/2534 โจทก์ได้รับเงินซึ่งจำเลยระบุว่าเป็นเงินชดเชยจำนวน 621,600 บาท และเงินบำเหน็จพิเศษจำนวน 69,043.06 บาท ความจริงเงินจำนวน 621,600บาท เป็นเงินบำเหน็จตามคำสั่งของจำเลยที่ 63/2517 ซึ่งถูกยกเลิกโดยคำสั่งของจำเลยที่ 6/2525 มิใช่ค่าชดเชย การที่จำเลยยกเลิกคำสั่งที่ 63/2517 และใช้คำสั่งที่ 6/2525 แทน ก็ไม่อาจทำให้คำสั่งที่ 63/2517 เสื่อมเสียไป เพราะเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่มีผลใช้บังคับแล้วและเป็นสภาพการจ้างที่เป็นคุณแก่โจทก์ โจทก์ทำงานติดต่อกันครบ 3 ปี ขึ้นไป จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า คำสั่งที่ 63/2517 ได้ถูกยกเลิกโดยคำสั่งที่ 6/2525 แม้คำสั่งที่ 6/2525 จะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างเมื่อจำเลยออกคำสั่งดังกล่าวแล้ว พนักงานทั้งหลายรวมทั้งโจทก์ได้ยึดถือและปฏิบัติตามยอมรับประโยชน์จากคำสั่งที่ 6/2525 ไม่มีผู้ใดโต้แย้งหรือคัดค้านเป็นเวลาเกือบ 10 ปีมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าได้รับการยินยอมจากลูกจ้างแล้ว เป็นสภาพการจ้างที่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย เงินที่จำเลยจ่ายแก่โจทก์เป็นค่าชดเชยมิใช่เงินบำเหน็จตามคำสั่งที่ 63/2517 จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยออกคำสั่งที่ 6/2525ยกเลิกคำสั่งที่ 63/2517 โดยลูกจ้างของจำเลยมิได้ตกลงยินยอมด้วยและจำเลยมิได้แจ้งข้อเรียกร้องให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิม เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 20 แม้โจทก์และลูกจ้างอื่นของจำเลยทราบคำสั่งที่ 6/2525 แล้วไม่มีผู้ใดคัดค้านก็ตามจะถือเอาปริยายว่าลูกจ้างของจำเลยตกลงยินยอมแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างด้วยแล้วหาได้ไม่ คำสั่งที่ 6/2525ไม่มีผลบังคับแก่โจทก์ ต้องบังคับตามคำสั่งที่ 63/2517 เงินจำนวน621,600 บาท ไม่เป็นค่าชดเชยตามกฎหมาย จำเลยจึงต้องรับผิดจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างและโจทก์มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี 15 วัน คิดเป็นเงิน 11,295 บาท พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยอุทธรณ์อีกประการหนึ่งว่า คำสั่งที่ 6/2525 ของจำเลยเป็นคำสั่งที่จำเลยประกาศใช้บังคับมิได้เกิดจากการแจ้งข้อเรียกร้องจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 19 และ 20 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518การที่จำเลยแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างตามคำสั่งที่ 63/2517ด้วยการประกาศใช้คำสั่งที่ 6/2525 จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 แต่ประการใดนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำสั่งที่ 63/2517 นั้น กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินบำเหน็จ เงินชดเชยและเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้าง ถือว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างจำเลยกับลูกจ้างข้อบังคับนี้ได้ใช้บังคับกับลูกจ้างแล้ว จำเลยจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือออกคำสั่งใหม่อันจะมีผลให้ลูกจ้างต้องเสียประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างหาได้ไม่ ตามคำสั่งที่ 63/2517 เมื่อโจทก์ออกจากงานโดยเกษียณอายุ โจทก์มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จคำนวณโดยเอาจำนวนปีที่ทำงานคูณกับอัตราค่าจ้างสุดท้าย เศษของปีถ้าเกินกว่า 6 เดือนให้ถือเป็น 1 ปี นอกจากได้รับเงินบำเหน็จดังกล่าวแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายอีก 6 เดือนคำสั่งนี้ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2517 แต่ตามคำสั่งที่ 6/2525ซึ่งเริ่มใช้ในเดือนมกราคม 2525 นั้น ได้ยกเลิกคำสั่งที่ 63/2517เมื่อลูกจ้างออกจากงานโดยเกษียณอายุลูกจ้างมีสิทธิเพียงได้รับค่าชดเชย คำนวณจ่ายเช่นเดียวกับเงินบำเหน็จตามคำสั่งที่ 63/2517แต่ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จเช่นที่เคยได้ เมื่อเปรียบเทียบคำสั่งทั้งสองดังกล่าวแล้วเห็นได้ชัดแจ้งว่า คำสั่งที่ 6/2525ทำให้ลูกจ้างเสียสิทธิที่จะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายนอกเหนือจากที่จะได้รับเงินบำเหน็จตามคำสั่งที่ 63/2517 เมื่อจำเลยออกคำสั่งที่ 6/2525 โดยมิได้ยื่นข้อเรียกร้องและไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่โจทก์ จึงเป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 20 ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน