คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3060/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยสร้างรั้วในที่ดินพิพาทก่อนที่ข้อเท็จจริงจะปรากฏแน่นอนจากการรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ร่วมว่าที่ดินส่วนที่เป็นรั้วอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ร่วม เป็นเรื่องเข้าใจว่ากระทำลงไปในที่ดินของจำเลยจึงขาดเจตนากระทำความผิด ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเพียงแต่เอาดินลูกรังมาถมทางเดินเดิมซึ่งเป็นคันนาเกลือไม่มีรั้วหรือสิ่งใดปิดกั้นห้ามเดินผ่าน เป็นการกระทำโดยเจตนาใช้เป็นทางเดินออกไปสู่ถนนใหญ่เท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเจตนายึดถือการครอบครองที่ดินของโจทก์ร่วมอันเป็นความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365 จำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินของโจทก์ร่วมโฉนดเลขที่ 10287 และที่ดินของจำเลยตามแบบแจ้งการครอบครอง เอกสารหมาย ล.9 ซึ่งเดิมเป็นของนายเล็กบิดาจำเลยอยู่ติดกันโดยที่ดินของโจทก์ร่วมอยู่ทางทิศตะวันออกของที่ดินจำเลย จำเลยได้สร้างรั้วเข้าไปในที่ดินของโจทก์ร่วมทางด้านทิศตะวันตก (เส้นสีเขียว) และถมดินลูกรังเป็นถนนจากหน้าบ้านจำเลยตรงไปถนนสุขุมวิท (ภายในเส้นสีเหลือง) ปรากฏตามแผนที่แสดงเขตรุกล้ำแนวเขต เอกสารหมาย จ.21 ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์และโจทก์ร่วมมีว่า จำเลยเจตนาบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วมหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ร่วมว่า ก่อนโจทก์ร่วมขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี รังวัดสอบเขตที่ดินตามโฉนดเลขที่ 10287 ของโจทก์ร่วม จำเลยได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินที่จำเลยครอบครองอยู่เพื่อขอออกโฉนด โจทก์ร่วมได้ไประวังแนวเขตด้วย โจทก์ร่วมเข้าใจว่าถนนและรั้วอยู่ในที่ดินของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงไม่รับรองแนวเขต แสดงอยู่ชัดว่าโจทก์ร่วมไม่ทราบแนวเขตที่แน่นอน ครั้นเมื่อโจทก์ร่วมขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี รังวัดสอบเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ร่วมจำเลยไม่ยอมเซ็นชื่อรับรองแนวเขต เห็นว่าแม้จำเลยจะไม่ได้คัดค้านการรังวัดไว้ในขณะนั้น ก็เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยเข้าใจว่าโจทก์ร่วมนำชี้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย จำเลยจึงไม่รับรองแนวเขตถือได้ว่าได้มีกรณีพิพาทเกี่ยวด้วยกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครอง ระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยเกิดขึ้นแล้วว่าที่ดินส่วนที่เป็นถนนและรั้วที่จำเลยสร้างเป็นที่ดินของโจทก์ร่วมหรือจำเลย การที่จำเลยสร้างรั้วในที่ดินพิพาทก่อนที่ข้อเท็จจริงจะปรากฏแน่นอนจากการรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ร่วมว่าที่ดินส่วนที่เป็นรั้วอยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดเลขที่ 10287 ของโจทก์ร่วมจึงเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยเข้าใจว่ากระทำลงในที่ดินของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนากระทำความผิดไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วมดังฟ้อง ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาอีกว่าตามภาพถ่าย ป.จ.1 รวม 3 รูป แผนที่หมาย จ.21 เส้นสีเหลืองมีเสาหลักหินอยู่แสดงว่า จำเลยจงใจทำถนนโดยเจตนาแย่งการครอบครองนั้น ข้อนี้ได้ความจากจำเลย นายสอน รัตนะ ซึ่งเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 18 เขตที่บ้านจำเลยปลูกอยู่และนายยุทธนา พลานนท์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับบ้านจำเลยว่าเดิมถนนนี้เป็นคันนาเกลือกว้าง 1 เมตร ชาวบ้านใช้เดินไปออกถนนสุขุมวิทมา20-30 ปีแล้ว จำเลยก็ใช้ทางนี้ออกถนนสุขุมวิทด้วย ไม่มีเจตนายึดถือเป็นของจำเลย พิเคราะห์ภาพถ่าย ป.จ.1 ที่โจทก์อ้างส่งและภาพถ่ายหมาย ล.3, ล.4ที่จำเลยอ้างส่ง ก็สมจริงดังจำเลยอ้าง เพราะยังคงเป็นถนนตรงไปออกถนนสุขุมวิท ไม่มีรั้วหรือสิ่งใดปิดกั้นห้ามบุคคลอื่นเดินผ่าน ดังนั้น ที่จำเลยเอาดินลูกรังมาถมทางเดินเป็นถนน ใช้เดินออกไปถนนสุขุมวิท ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยเจตนาใช้เป็นทางเดินออกสู่ถนนใหญ่เท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยเจตนายึดถือการครอบครองที่ดินของโจทก์ร่วมอันเป็นความผิดฐานบุกรุก”

พิพากษายืน

Share