คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3056/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อตามพฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์กับการรถไฟแห่งประเทศไทยจำเลยได้ทำความตกลงกันแล้วโดยปริยายว่างานก่อสร้างที่ยังค้างอยู่นั้น ให้ถือราคาค่าก่อสร้างตามราคาที่ได้ปรับปรุงให้เพิ่มขึ้นแล้วตามมติคณะรัฐมนตรี ฉะนั้นจำเลยจึงมีความผูกพันต้องจ่ายเงินชดเชยค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์ในอัตรา 41.6 เปอร์เซนต์ ตามที่ประธานคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อสร้างและถาวรวัตถุของประเทศได้ตอบข้อหารือ และแจ้งมาให้จำเลยทราบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างที่ยังค้าง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินค่าจ้างที่หักไว้เกินจำนวน 42,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินชดเชยที่ยังขาด 36,000บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน2517 (เอกสารหมาย จ.25) ข้อ 1 มีข้อความว่า “สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่ยังมีงานก่อสร้างค้างอยู่ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2517 เป็นต้นไป ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องเรียกผู้รับเหมามาเจรจาทำความตกลงกัน ถ้าผู้รับเหมามีความประสงค์จะทำงานก่อสร้างที่ค้างอยู่ต่อไป โดยปรับปรุงราคาค่าก่อสร้างเฉพาะงานส่วนที่ยังค้างอยู่ (โดยไม่หักเงินกำไร 10%) เพิ่มขึ้นตามประเภทของงานก่อสร้างในราคารวมเฉลี่ยตามประเภทการก่อสร้างในเอกสาร ผนวก ก. ก็ให้ทำการก่อสร้างต่อไป แต่ถ้าผู้รับเหมาไม่ประสงค์จะทำงานต่อ ก็อนุมัติให้เลิกสัญญาโดยงดเว้นการปรับได้ ฯลฯ” เห็นว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติดังกล่าวนี้ในขณะที่โจทก์ยังทำงานก่อสร้างตามสัญญาไม่แล้วเสร็จ แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ปรากฏโดยแจ้งชัดว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติดังกล่าวแล้ว จำเลยได้เรียกโจทก์มาเจรจาทำความตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องการทำงานและการปรับปรุงราคาค่าก่อสร้างสำหรับงานส่วนที่ยังค้างอยู่ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้วก็ตามแต่การที่โจทก์มิได้ขอเลิกสัญญา ยังคงทำการก่อสร้างอยู่ต่อไปจนแล้วเสร็จและส่งมอบให้จำเลยตามสัญญา ทั้ง ๆ ที่วัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นมาก และจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามมติคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด ตามพฤติการณ์จึงถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยได้ทำความตกลงกันแล้วโดยปริยายว่างานก่อสร้างที่ยังค้างอยู่นั้นให้ถือราคาค่าก่อสร้างตามราคาที่ได้ปรับปรุงให้เพิ่มขึ้นแล้วตามมติคณะรัฐมนตรี ฉะนั้นจำเลยจึงมีความผูกพันต้องจ่ายเงินชดเชยค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์ในอัตรา 41.6 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ประธานคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อสร้างและถาวรวัตถุของประเทศได้ตอบข้อหารือและแจ้งมาให้จำเลยทราบตามเอกสารหมาย ล.28คือเป็นเงิน 136,000 บาท การที่จำเลยจ่ายให้โจทก์เพียง 100,000 บาท โดยมีเหตุผลตามที่ปรากฏในบันทึกรายงานการประชุมคณะกรรมการรถไฟ (เอกสารหมาย ล.29) ว่า ค่าก่อสร้างรายนี้คำนวณราคาในเดือนมีนาคม 2518 (เดือนที่โจทก์ส่งมอบงานให้จำเลย) ได้เป็นเงิน 630,000 บาท แตกต่างกับเงินค่าจ้างเหมาตามสัญญา 530,000 บาท อยู่เป็นเงิน 100,000 บาท จึงชดเชยให้โจทก์ 100,000 บาท นั้นไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของประเทศซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติให้ถือปฏิบัติและโจทก์จำเลยได้ตกลงกันดังวินิจฉัยมาข้างต้นเป็นการไม่ชอบ อนึ่งที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ยินยอมรับเงินชดเชย 100,000 บาทโดยไม่โต้แย้งนั้นข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าโจทก์ได้มีหนังสือทักท้วงไปยังจำเลยแล้วตามเอกสารหมาย จ.20 ว่า ที่จำเลยจ่ายให้โจทก์เพียง 100,000 บาท ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยชำระเงินชดเชยที่ยังขาดอยู่อีก 36,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์”

พิพากษายืน

Share