คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3052/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยเต็มตามที่กฎหมายกำหนดการที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์กล่าวว่าดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการลงโทษจำเลยเหมาะสมแล้วนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์โดยแสดงเหตุผลตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 จำคุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์ไม่หยิบยกข้ออุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดโทษที่ลงแก่จำเลยขึ้นวินิจฉัย โดยเพียงแต่สรุปว่าดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการลงโทษจำเลยเหมาะสมแล้วไม่มีเหตุผลแห่งคำพิพากษาสนับสนุนให้เห็นโดยชัดแจ้งถึงคำวินิจฉัยที่โต้แย้งอุทธรณ์ของโจทก์ว่าฟังไม่ขึ้นเพราะเหตุใด จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้น พิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่าในอุทธรณ์ของโจทก์ได้บรรยายถึงความเสียหายและยุ่งยากที่โจทก์ได้รับจากการที่จำเลยต่อสู้คดีซึ่งในที่สุดจำเลยก็จำนนต่อหลักฐาน จึงขอให้ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษลงแก่จำเลยเต็มตามที่กฎหมายกำหนด เห็นว่า แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้หยิบยกข้ออุทธรณ์ของโจทก์ข้างต้นกล่าวโดยละเอียดในคำพิพากษาแต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยกล่าวว่า ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจในการลงโทษเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ย่อมถือได้ว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยและแสดงเหตุผลโต้แย้งอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 แล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share